ชัยภูมิ – ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสาขาหลักของผืนป่าต้นกำเนิดแม่น้ำชี จุดสุดท้ายของจังหวัดชัยภูมิ ส่อวิกฤตได้ไม่คุ้มเสียหากเดินหน้าโครงการต่อวอนเร่งทบทวน ด้านตัวแทนผู้ว่า-นายอำเภอสั่งหยุดเดินหน้าโครงการทั้งหมดไว้ก่อนแล้ว จนกว่าจะหาขอสรุปข้อระเบียบหน่วยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อีกครั้งว่าจะทำดำเนินการอย่างไรได้อีกครั้งก่อนต่อไป!
ชาวบ้านพระฮือจี้ทบทวนขุดลอกลำปะทาวกระทบ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 ม.ค.61 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ได้มอบหมายให้นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้แทนจังหวัดชัยภูมิ จัดให้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิกเห็นจากตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างนายเจนเจตน์ เจนนาวิน นายอำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยนายเกศา รณไพรี กำนันตำบลนาฝาย และนายสุพิน ศรวิเศษ สารวัตรกำนันต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ กับตัวแทนชาวบ้าน โดยนายฉัตรชัย โรจน์เรืองไร และนายวิชัย นาผัว ตัวแทนลูกศิษย์พระไพศาล วิสาโล และหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโน ที่มีการรวมกลุ่มกันกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อช่วยกันฟื้นฟูอนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพันธุ์ปลาต้นน้ำหายากให้กับป่าต้นน้ำลำปะทาวในจุดนี้มายาวนานตั้งแต่ปี 2512 ที่สายน้ำลำปะทาวในจุดต.นาฝายในจุดนี้เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้ายของจ.ชัยภูมิ
ซึ่งหลังที่ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่เกิดความข้องใจว่าอยู่ดีๆได้มีการเข้ามาดำเนินการขุดลอกลำห้วยลำปะทาว ที่เป็นอีกต้นน้ำสายหลักของลำน้ำชีที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นจุดสุดท้ายของอ.เมืองชัยภูมิ ในพื้นที่รอยต่อชุมชนบ้านนาฝาย หมู่ 3 และบ้านโนนดู่พัฒนา หมู่ที่ 15 ในต.นาฝาย ซึ่งมีการเข้ามาดำเนินการขุดลอกและตัดต้นไม้เสียหายไปแล้วจำนวนมาก และนำเครื่องจักรเข้ามาไถทำถนนริมลำปะทาวในจุดนี้ไปแล้วเป็นระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ข่าวน่าสนใจ:
จนเมื่อวันที่ 12 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ทางกลุ่มตัวแทนชาวบ้านได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอทราบกรณีโครงการที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ต่อนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ และเดินทางมาสอบถามความคืบหน้าต่อโครงการที่เกิดขึ้นอีกใน วันที่ 16 ม.ค.61 ที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 2 และการเข้ามาดำเนินการใช้เครื่องจักรเข้ามาขุดลอกโครงการจึงหยุดลง และได้ไม่นานก็มีการนำเครื่องจักรรถแบ็คโฮกลับเข้าไปไถตัดต้นไม้ซ้ำไม่หยุดอีกในวันที่ 19 ม.ค.61 ที่ผ่านมา
จนเกิดการออกมารวมตัวเคลื่อนไหวเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงกับนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ขึ้นอีก ทางผู้ว่าฯจึงได้มีคำสั่งเร่งมอบหมายให้ นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนัดผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการและตัวแทนชาวบ้านมา พูดคุยหาแนวทางออกร่วมกันเกิดขึ้นในเวลา 09.300 น.วันนี้ 22 ม.ค.61 ณ ห้องประชุมห้องรองผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ศาลากลางจ.ชัยภูมิ ชั้น 2
ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นของทางอำเภอเมืองชัยภูมิจัดดำเนินการขึ้น โดยมีนายเจนเจตน์ เจนนาวิน นายอำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยนายเกศา รณไพรี กำนันตำบลนาฝาย และนายสุพิน ศรวิเศษ สารวัตรกำนันต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ เป็นผู้ดำเนินการเสนอโครงการขุดลอกลำปะทาวครั้งนี้ขึ้น ได้ชี้แจงต่อตัวแทนชาวบ้าน และพระ กว่า 30 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจตัวแทนชาวบ้านครั้งนี้ ในการยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ เพื่อร้องทุกข์ขอให้ทางอำเภอเมืองชัยภูมิเปิดเวทีทำประชาพิจารณ์ต่อโครงการขุดลอกลำปะทาวครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะหากมีการดำเนินการต่อไปจะกระทบต่อระบบนิเวศน์กับป่าและต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดชัยภูมิผืนสุดท้ายตามมาอีกเป็นจำนวนมาก
โดยทางนายอำเภอเมืองชัยภูมิ และตัวแทนผู้นำชุมชนต.นาฝาย ได้แจ้งว่า โครงการนี้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโครงการที่มีการดำเนินการเสนอของบประมาณมาดำเนินการขุดลอกลำปะทาวในจุดนี้มานานแล้วตั้งแต่ปี 2559 และมีการสำรวจความคิดเห็นทำประชาคมชาวบ้านในพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่ปี 2559 และในปี 2561 นี้ ทางอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้เสนอเรื่องนี้แล้วและเพิ่งได้รับงบประมาณมาดำเนินการรวมทั้งสิ้น 2,100,000 บาท ที่จะมีการขุดลอกลำปะทาวในจุดนี้ความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และในระยะแรกที่ดำเนินการปีนี้คืองบประมาณรวมจำนวน เพียงกว่า 700,000 บาท ในระยะทางยาว 1 กิโลเมตร
ซึ่งโครงการนี้ที่เกิดขึ้นก็เพื่อการเข้ามาช่วยการระบายน้ำที่ดีขึ้นในการช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม ในเขตอ.เมืองชัยภูมิ เป็นหลัก
ขณะที่ด้านตัวแทนชาวบ้าน นายฉัตรชัย โรจน์เรืองไร และนายวิชัย นาผัว ตัวแทนลูกศิษย์พระไพศาล วิสาโล และหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโน กล่าวว่า ที่มีการเกิดการรวมกลุ่มกันกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อช่วยกันฟื้นฟูอนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพันธุ์ปลาต้นน้ำหายากให้กับป่าต้นน้ำลำปะทาวในจุดนี้มายาวนานตั้งแต่ปี 2512 ที่สายน้ำลำปะทาวในจุดต.นาฝายในจุดนี้เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้ายของจ.ชัยภูมิ
และถือว่ามีความสำคัญมาก จากโครงการที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต้นน้ำลำปะทาวตามมาอีกจำนวนมาก ซึ่งโครงการที่เกิดขึ้นชาวบ้านในพื้นที่จุดนี้กับไม่ทราบเลยว่าจะมีการดำเนินการในครั้งนี้ และการทำโครงการหรือทำประชาคมก็มีการทำมานานไม่เป็นปัจจุบันเพราะใช้ข้อมูลเก่ามาตั้งแต่ปี 2559 ชาวบ้านยังขาดการมีส่วนร่วมจำนวนมากในอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการทำลายวิถีของสายน้ำต้นน้ำลำปะทาว ป่าไม้ ความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ป่าในจุดนี้ที่มีการสำรวจวิจัยว่าเป็นแหล่งรวมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศก็ว่าได้ รวมทั้งมีแหล่งที่ชาวบ้านอยู่กันวิถีธรรมชาติ มีการทำกังหันน้ำมากที่สุดมากกว่า 18 จุดและมีการ ทำฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่นี่ทำการเกษตรแบบพอเพียงอยู่กันมาได้อย่างพอเพียงเป็นอย่างดีมาตลอด
ซึ่งการเข้ามาดำเนินการใช้เครื่องจักรเพื่อขุดลอกจุดนี้ก็จะทำให้เกิดผลกระทบทางธรรมชาติตามมาอีกจำนวนมาก ทั้งเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนดั่งเดิม แหล่งรวมพันธุ์ปลา และโดยเฉพาะการเปิดขยายการระบายน้ำจากลำปะทาว ที่จะทำให้ช่วงน้ำหลากไหลทะลักเข้าท่วมผ่านตัวเมืองชัยภูมิ ได้เร็วขึ้น ที่จากเดิมคนชัยภูมิจะทราบกันดีว่า ถ้าน้ำหลากลงมาจะถึงตัวเมืองประมาณ 2-3 วัน ก็จะสามารถเตรียมเก็บข้าวของในโซนเศรษฐกิจตัวเมืองชัยภูมิ ไปไว้ในที่ปลอดภัยได้ทันเวลา ที่จะมีลำห้วยปะทาวจุดนี้ช่วยเป็นจุดชะลอน้ำท่วมเข้าตัวเมืองตามระบบธรรมชาติที่ดีอยู่แล้ว และหากมีการขุดลอกขยายให้ในช่วงหน้าน้ำหลากต่อไปปัญหาน้ำท่วมจากลำปะทาวก็จะไหลทะลักท่วมตัวเมืองชัยภูมิ เร็วมากขึ้น
ที่เรื่องนี้อยากให้ทุกฝ่ายที่จะดำเนินโครงการต่างๆต้องรับฟังความคิดเห็นในหลายๆฝ่าย ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ด้วย เพราะโครงการนี้น่าจะสร้างปัญหาผลกระทบตามาอีกหลายๆด้าน ไม่เฉพาะแต่สิ่งแวดล้อมอย่างเดียวด้วย จึงอยากให้มีการทบทวนโครงการนี้เป็นการด่วนต่อไปด้วย
ซึ่งหลังที่มีการเปิดเวทีพูดคุยกันที่ศาลากลางชั้น 2 จ.ชัยภูมิ อยู่นานมาตั้งแต่ช่วง 09.30 – 11.50 น.ที่ผ่านมา นานกว่า 3 ชั่วโมง ผลเวทีที่ประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาโครงการขุดลอกลำปะทาวในจุดนี้ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ที่พร้อมร่วมกันหาแนวทางแก้ไขในปัญหาเรื่องนี้อย่างรอบด้านร่วมกันต่อไปอีกครั้ง
ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะตัวแทนผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ในที่ประชุม จึงขอสรุปแนวทางร่วมกันในเบื้องต้น ในครั้งนี้โดยทางนายอำเภอเมืองชัยภูมิ ก็พร้อมรับฟังปัญหาและจะได้สั่งประสานให้บริษัทที่มายื่นรับเหมาดำเนินการขุดลอกลำปะทาวไปแล้วบางส่วนให้มีการถอนเครื่องจักรหรือหยุดดำเนินการโครงการนี้ไปก่อน จนกว่าที่ทางปลัดจังหวัด จะนำเสนอข้อสรุปของที่ประชุมครั้งนี้ถึงผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ เป็นผู้ตัดสินใจเพื่อดูเรื่องข้อระเบียบว่าตามที่ชาวบ้านเรียกร้องขอทำประชาพิจารณ์โครงการนี้ใหม่ หรือจะระงับโครงการนี้ได้หรือไม่ ทั้งที่มีการดำเนินการอนุมัติโครงการไปแล้วได้หรือไม่ เพื่อที่จะแจ้งให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ทราบต่อไปอีกครั้งก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป ทุกฝ่ายชาวบ้านจึงยอมสลายตัวเดินทางกลับในที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: