ชัยภูมิ – สาย แก้งคร้อ-ภูเขียว สร้างความเดือดร้อนหนักต่อชาวบ้านในรอยต่อกว่า 4 หมู่บ้าน 3 ตำบล อ.ภูเขียว นับกว่า 1,000 หลังคาเรือน ไม่มีทางเข้าออกบ้าน และถูกน้ำท่วมขังซ้ำซากมานานนับเดือนในแต่ละครั้งที่มีฝนตกลงมา ตลอดช่วงเข้ามาดำเนินการในโครงการดังกล่าวของกรมทางหลวง ตลอดช่วงนานกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันต้องสุดทนเดือดร้อนหนักวอนบิ๊กตู่เร่งช่วยด่วน!!
ข่าวน่าสนใจ:
- นบ.ยส.24 บูรณาการร่วมกับกลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด สสจ.นครพนม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือตรวจพื้นที่อาคารหลังศูนย์ฟื้นฟู…
- กลุ่มศึกษากลุ่มชลประทานลงพื้นที่ ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยชัน จ.ปราจีนบุรี
- สุดยิ่งใหญ่ชาวชัยภูมิทำพิธีประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่สุดรอบ 198 ปีตั้งแต่ตั้งเมืองชัยภูมิมา!
- รองผู้ว่าฯปราจีนบุรี ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาช้างป่ารุกพื้นที่ชุมชน
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 18 มี.ค.62 ขณะที่จ.ชัยภูมิ ได้มีตัวแทนชาวบ้านกว่า 100 คน จาก 4 หมู่บ้าน รอยต่อ 3 ตำบล ของอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มารวมตัวกันที่บริเวณอุโมงค์กลับรถใต้ถนนทางหลวงหมายเลข 201 สายแก้งคร้อ-ภูเขียว ที่มีบ้านเรือนอาศัยตั้งอยู่ติดริมถนนสาย 201 สายแก้งคร้อ-ภูเขียว เป็นระยะทางยาวกว่า 10 กม. ผ่านหมู่บ้านหนองคัน ต.ธาตุทอง หมู่บ้านหนองกุงเก่า ต.กวางโจน หมู่บ้านห้วยพวง และบ้านโอโล ต.โอโล อ.ภูเขียว รวมจำนวนมากกว่า 1,000 หลังคาเรือน
ซึ่งได้รับความเดือดร้อนหนัก และสุดที่จะทนต่อโครงการก่อสร้างขยายถนนในจุดดังกล่าว ของกรมทางหลวง เข้ามาดำเนินการขยายถนนจุดนี้ให้เป็น 4 เลน และจะมีจุดกลับรถเป็นอุโมงค์ลอดใต้ถนน 201 ผ่านจุดดังกล่าวในรอยต่อ กว่า 3 ตำบล ของอ.ภูเขียว รวมกว่า 5 จุด ที่ได้มีการเข้าดำเนินการก่อสร้างมาจากส่วนกลางโดยตรงของ กรมทางหลวง มาตั้งแต่ปี 2560 และไม่มีการมาดำเนินการทำประชาพิจารณาว่าจะมีผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ครั้งนี้ด้วยแต่อย่างใดเลย
โดยในกลุ่มตัวแทนชาวบ้านที่มาในวันนี้ได้เคยยื่นหนังสื่อคัดค้านการดำเนินการทำอุโมงค์ ดังกล่าวในจุดนี้ ต่อแขวงการทางไปแล้วมาตั้งแต่ปี 2560 ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มีคำตอบ มีแต่เพียงว่าโครงการดังกล่าวเป็นของส่วนกลางที่ดำเนินการมาโดยตรง และโครงการที่เกิดขึ้นเกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เรื่องก็เงียบมาตลอด จนมีการดำเนินการก่อสร้างมาต่อเนื่องไม่หยุดจนถึงวันนี้ ที่ชาวบ้านในรอยต่อ กว่า 4 หมู่บ้าน 3 ตำบล ของอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ก็สุดที่จะทนต่อการดำเนินโครงการขยายถนนทำอุโมงค์ดังกล่าวที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านตามมาอีกเป็นจำนวนมากในปัจจุบันแล้ว ทั้งฝนตกลงมาก็เกิดปัญหาน้ำท่วมบ้าน และปัจจุบันไม่มีทางเข้าออกบ้านตัวเองได้ ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใดลงมือให้ความช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านในจุดนี้ได้เลย
ซึ่งนางปราณี ยิ่งจำเริญ อายุ 52 ปี ชาวบ้านหนองกุงเก่า ต.กวางโจน กล่าวว่า ทุกวันนี้มีใครที่จะมาเห็นใจชาวบ้านในจุดนี้บ้าง ทั้งฝนตกน้ำท่วมขังบ้าน ทั้งทางเข้าออกหน้าบ้านตัวเองก็ออกไม่ได้เหมือนเดิม รวมทั้งการเข้ามากั้นเขตถนนก็มาสุดที่กำแพงบ้านและมีการขุดหน้าดินลงต้ำลงไปต่ำกว่า 5 เมตร และมีพื้นถนนสูงกว่าบ้านคนยาวไปตลอดช่วงกว่า 10 กิโลเมตร พอแจ้งไปก็เงียบว่าจะมีใครมาแก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากโครงการดังกล่าวอย่างใดได้ บางรายที่มีบ้านอยู่ริมทาง และมีการประกอบอาชีพร้านค้าขาย ก็ประกอบกิจการตัวเองไม่ได้ ก็ต้องปิดย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น ซึ่งจะรอให้ชาวบ้านย้ายบ้านที่เหลือย้ายหนีตามๆไปก็คงไม่มีใครไปได้แล้ว เพราะไม่รู้จะไปหาที่อยู่ไหนมาแทนได้ เพราะเป็นคนหาเช้ากินค่ำต้องมาทนทุกลำบากมากในขณะนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย
รวมทั้งด้านนายธนวัฒน์ ยิ่งจำเริญ ชาวบ้านอ.ภูเขียว อีกรายที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า สุดที่จะทนแล้วทางเข้าออกบ้านก็ไม่มี ญาติ พ่อแม่ที่เจ็บป่วย พิการต้องใช้บันได มาพาดปีนเข้าบ้านตัวเอง เพราะใช้รถเข้าออกไม่ได้ ต้องเดินออกไปอีกหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะเวลามีคนเจ็บป่วยแจ้ง รถพยาบาลฉุกเฉิน สายด่วน 1669 เข้ามาช่วยก็เข้ามาไม่ถึงบ้านได้ ทั้งช่วงเวลาที่มีฝนตกน้ำก็ท่วมบ้าน การขนย้ายผู้ป่วย ก็ต้องพากันเดินแบกคนป่วยออกไปอย่างทุลักทุเล ซึ่งมาจนวันนี้ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา ที่ร้องขอความเป็นธรรมมานานนับปี ก็ยังเงียบเหมือนเราชาวบ้านในจุดนี้ไม่ใช่คน ครั้งนี้จึงอยากกราบวิงวอนไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยเห็นใจชาวบ้านในจุดนี้ด่วนด้วย เพราะไม่รู้จะไปพึ่งใครได้อีกแล้ว สุดที่จะทนแล้วเดือดร้อนจนไม่รู้จะไปพึ่งใครได้แล้ว
รวมทั้งนางสีทอง กุมมาร ตัวแทนชาวบ้านอีกราย และนายบังอร หนุนวงศ์ ผอ.รร.กวางโจนศึกษา กล่าวอีกว่า อยากให้กรมทางหลวงเร่งออกมารับผิดชอบและเร่งลงมาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในจุดนี้เป็นการด่วนด้วยเพราะเป็นผู้ดำเนินการคู่สัญญากับผุ้รับเหมาที่ลงมาดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ในจุดนี้โดยตรง ต้องกล้าที่จะออกมารับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งในส่วนของโรงเรียนบ้านกวางโจนศึกษา ที่ปัจจุบันมีเด็กนักเรียนรวมกว่า 500 ชีวิต เวลาที่มีฝนตกลงมาทุกครั้งจะมีน้ำไหลจากการก่อสร้างโครงการที่ถนนสูงกว่าบ้านคนและโรงเรียน จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังภายในอาคารห้องเรียน บ้านพักครู เป็นระยะเวลานานนับเดือนในแต่ละครั้งมาก ซึ่งจุดนี้เมื่อโครงการกิดขึ้นมาสร้างผลกระทบตามมาในจุดนี้มาก ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่สนใจที่จะลงมาแก้ไข เพราะจากเดิมไม่มีโครงการปัญหาน้ำท่วม ทางเข้าออกของคนในชุมชนก็ไม่เกิด แต่มาดำเนินโครงการแล้วเกิดผลกระทบต่อชาวบ้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงต้องรีบออกมารับผิดชอบและช่วยเร่งแก้ไขเป็นการด่วนด้วย ไม่ใช่ปล่อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมานานจะ 2 ปีแล้ว แล้วบ้านเมืองจะอยู่กันได้ด้วยดีต่อไปอย่างไรได้อีกแล้ว ซึ่งทางยังไม่มีทางแก้ไขในจุดนี้ได้ก็ควรยกเลิกโครงการดังกล่าวจะดีกว่า และหากยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้ก็ควรระงับโครงการทั้งหมดไว้ก่อน ซึ่งอยากพลเอกประยุทธ์ฯ ใช้มาตรการ 44 สั่งการเด็ดขาดช่วยเหลือชาวบ้านในจุดนี้เพื่อให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นโดยด่วนด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: