ชัยภูมิ – เกิดเหตุสุดระทึก ไฟไหม้รถสิบล้อบรรทุกอ้อย แทบไม่เหลือซากหมดทั้งคัน คนขับหวิดสยอง พบว่าเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ออกมาจากใต้ท้องรถ
( 8 ก.พ.61 ) ขณะที่จังหวัดชัยภูมิ เกิดเหตุสุดระทึก หลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตู้ยามตำบลโคกกุง ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือด่วนจากชาวบ้านโปร่งสังข์ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกกุง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้รถ 10 ล้อบรรทุกอ้อย อยู่ท้ายหมู่บ้าน และไฟกำลังลามเป็นบริเวณกว้างอย่างกลางไร่อ้อย ชาวบ้านเกรงว่าไฟจะลามเข้าหมู่บ้าน หลังรับแจ้งจึงได้เร่งประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงจาก อบต.โคกกุงและอบต.ใกล้เคียงช่องสามหมอ และอาสาสมัครกู้ภัยสว่างคุณธรรมอำเภอแก้งคร้อ ออกไปช่วยกันสกัดเพลิง
ที่เกิดเหตุพบว่าเปลวเพลิงกำลังรุกไหม้รถ 10 ล้อ บรรทุกอ้อย ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-0083 ชัยภูมิ อย่างรุนแรง และกำลังรุกลามไหม้ป่าหญ้าข้างทางใกล้เคียงใกล้จะเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายสิบคนต่างโกลาหนเร่งช่วยกันดับเพลิงที่กำลังลามลุกไหม้ตัวรถบรรทุก 10 ล้อ พร้อมมีเสียงระเบิดออกมาเป็นระยะๆ
ต่อมารถดับเพลิงจำนวน 2 คันจาก อบต.โคกกุง และอบต.ช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ ได้เข้ามาถึงช่วยระดมฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้รถบรรทุก 10 ล้อ และไฟบางส่วนรุกลามไร่อ้อยข้างๆ ทางเป็นวงกว้าง อีกชาวบ้านทั้งหมดจึงได้ช่วยกันดับไฟบริเวณรอบๆอีกครั้งจนควบคุมเพลิงไว้ได้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
และในขณะเดียวกันไฟที่กำลังลุกไหม้รถบรรทุกก็กลับมีเปลวเพลิงลุกขึ้นมาอีกครั้งรุกไหม้เผาผลาญรถอย่างหนักอีกครั้งจนเสียหายหมดทั้งคัน จนท.ต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้นานอีกต่อเนื่องนับชั่วโมงเพลิงจึงสงบลงได้
จากสอบถามนายวิเรศ แสงสิน อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201 หมู่ 1 ต.ช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ เจ้าของรถ 10 ล้อดังกล่าว ทราบว่าก่อนเกิดเหตุระทึก ตนเองและคนงานได้ช่วยกันขนอ้อยขึ้นรถบรรทุก ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-0083 ชัยภูมิ จนเต็มคันและกำลังจะนำอ้อยไปส่งโรงหีบที่โรงงานมิตรผล ในอำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิ ขณะขับรถมาถึงที่เกิดเหตุรถบรรทุกอ้อยคันดังกล่าวได้ติดหล่มหลุม ตนเองพยายามเร่งเครื่องอยู่หลายครั้งติดต่อกันแต่รถก็ไม่สามารถขึ้นจากหล่มได้ ตนเองจึงได้ขับรถกระบะเพื่อไปหารถมาลารถอ้อยที่ติดหล่ม ก็พบว่าเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ออกมาจากใต้ท้องรถคันดังกล่าวอย่างรุนแรง และเปลวไฟได้ลุกไหม้ลามไปยังไร่อ้อยข้างๆ เป็นวงกว้างนับไร่แล้ว
และกำลังลามไหม้หญ้าและไร่อ้อยข้างทางอย่างรวดเร็ว จึงได้โทรศัพย์ขอความช่วยเหลือขอรถดับเพลิงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยดับไฟก่อนที่ไฟจะรุกไหม้ลามเข้าไปไหม้บ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านใกล้เคียงได้
ซึ่งเบื้องต้นตรวจสอบพบว่าไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย มีเพียงไร่อ้อยของ ชาวบ้านและรถบรรทุกของนายวิเรศ เท่านั้น และถือว่ายังโชคดีในครั้งนี้ ที่ไฟไม่ลามไปถึงหมู่บ้านและอยากจะฝากเตือนไปยังเจ้าของรถที่ใช้ขนอ้อยเป็นประจำ ควรระมัดระวังหมั่นตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้อย่างปลอดภัยมากขึ้นด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: