ยุติธรรมชัยภูมิยื่นมือช่วยแม่เฒ่า66แล้วสุดซึ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกับกั้นน้ำตาไม่อยู่ ตัวเองอยู่ดีๆ กลับมาถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเอง ที่ล่าสุดต่างสุดซึ้งที่ยังมีความยุติธรรมให้กับตัวเองพร้อมฝากขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสื่อมวลชนที่ยื่นมือเข้าช่วย หวังรอลุ้นผลการขอยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีขอความเป็นธรรมทางคดีคืนอีกครั้งจะเป็นผลต่อไป!!!!!!!
( 29 พ.ย.60 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ ความคืบหน้ากรณีข่าวแม่เฒ่าวัย66 ปี ชาวอ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ต้องมากลายเป็นคนไร้ที่อยู่ที่อยู่ดีๆถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเองที่อาศัยอยู่มานานกว่า38ปี ตามข่าวที่เคยเสนอไปแล้วนั้นมาตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้ติดตามแนวทางการช่วยเหลือแม่เฒ่ารายนี้ล่าสุด ทางด้าน สนง.ยุติธรรมจังหวัด ร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองบัวระเหว หลังทราบข่าวจึงได้ร่วมหาแนวทางการช่วยเหลือโดยด่วนมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.60 ที่ผ่านมา และสรุปแนวทางการให้ความช่วยเหลือ กรณี นางบุญมี สมศรี อายุ 66 ปี ชาวบ้าน อ.หนองบัวระเหว รายนี้ที่ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินของตนเอง
ข่าวน่าสนใจ:
และได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น นางบุญมี สมศรี ที่ปัจจุบันอายุ 66 ปี แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับ นายประสิทธิ์ สมศรี (สามี) และได้ซื้อที่ดินเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 1 ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ
ต่อมารัฐได้ออกโฉนดที่ดินเนื้อที่ดังกล่าวร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีที่ดินติดกัน รวมเนื้อที่ 2 งานเศษ โดยให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมแก่ นายประสิทธิ์ สมศรี(ซึ่งเป็นสามีนางบุญมี) และ นายวสันต์ พรมจ้อย ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7517 ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ
จากนั้นต่อมา นายประสิทธิ์ฯ(สามี)ได้เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2557 หลังจากนั้นนายวสันต์ พรมจ้อย เจ้าของที่ดินอีกรายที่อยู่ติดกันได้ไปทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และทำผิดสัญญาเช่าซื้อ ไม่สามารถผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ได้ ผู้ให้เช่าซื้อจึงดำเนินการฟ้องให้ชำระเงินพร้อมค่าเสียหาย กระทั่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาและมีหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์ คือที่ดินของนายวสันต์ พรมจ้อย 1 แปลง และที่ดินที่เป็นกรรมสิทธ์รวมของนายประสิทธิ์ สมศรี และ นายวสันต์ พรมจ้อย ติดควบกันไปด้วยอีก 1 แปลง ออกขายทอดตลาด และบริษัทรถดังกล่าวได้ซื้อที่ดินดังกล่าวไป
และต่อมาทางบริษัทได้ขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนายประสิทธิ์ฯ และนายวสันต์ฯ ให้แก่อีกบุคคลหนึ่งใน เมื่อปี พ.ศ.2559 และต่อมาบุคคลที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินรายใหม่ได้ฟ้องขับไล่ให้นางบุญมี สมศรี อายุ 66 ปี ที่ปัจจุบันได้อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมชำระค่าเสียหาย เมื่อ ปีพ.ศ.2560 และศาลจังหวัดชัยภูมิได้พิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2560 ให้นางบุญมี สมศรี ออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมชำระค่าเสียหายภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา เป็นเหตุให้นางบุญมีฯ จะไม่มีที่อยู่อาศัยอีกต่อไป จึงมีการวิงวอนเข้าขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.60 ที่ผ่านมา
โดยหลังเกิดกรณีข่าวนี้เกิดขึ้น ทั้งทางด่วนนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ จึงได้มอบหมายให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยกันหาแนวทางการในให้ความช่วยเหลือ โดยมีนางจิราวรรณ ไชยวุฒิ ยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ นายดนัย นิลพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิ นายนิวัฒน์ สุพจิตร นายอำเภอหนองบัวะเหว นายปาน หาจัตุรัส ปลัดอำเภอหนองบัวระเหว นายคงวิศิษฏ์ โลขันธ์ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหนองบัวระเหว จ.ส.อ.รณรงค์ คงนุรัตน์ (กกล.รส.จว.ชย.) นางบุญมี สมศรี นางพิชญา บุญภูมิ และเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางการช่วยเหลือ
ได้ล่าสุดโดยได้สรุปแนวทางการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัด รับเรื่องของนางบุญมี สมศรี เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ในการจัดหาทนายความ เพื่อต่อสู้คดี อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ตัดสินเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2560 ให้นางบุญมีฯ ออกจากที่ดิน เนื่องจากนางบุญมีฯและนายประสิทธิ์ฯ สามี ไม่ได้เป็นลูกหนี้ และทรัพย์ที่ยึดขายทอดตลาดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมไม่สามารถยึดขายได้ทั้งแปลง ต้องแบ่งแยก และยึดขายเฉพาะส่วนของนายวสันต์ พรมจ้อย แต่เนื่องจากนางบุญมีไม่ทราบว่ามีการยึดทรัพย์ที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดจึงไม่ได้ไปขอกันส่วนทรัพย์พิพาทดังกล่าว และการปิดประกาศหมายยึดทรัพย์ไม่ได้นำมาปิดประกาศให้นางบุญมีทราบ เพราะไปปิดที่บ้านของนายวสันต์ฯ ลูกหนี้เท่านั้น
พร้อมประสานกับสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิเพื่อตรวจสอบการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดว่าชอบหรือไม่ และจะมีช่องทางของกฎหมายอย่างไรได้บ้างต่อไป ถ้าหากไม่มีช่องทางช่วยเหลือทางกฎหมาย ต้องประสานคู่กรณีผู้เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินคนปัจจุบัน เพื่อนัดไกล่เกลี่ยเจรจาขอซื้อทีดินคืน หรือชะลอการขับไล่นางบุญมีฯ ออกไปก่อนในระหว่างนี้ที่คณะกรรมการช่วยเหลือทางยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิที่จะช่วยยื่นอุทธรณ์สู้คดีกันอีกครั้งจนกว่าคดีจะสิ้นสุดต่อไป
ขณะที่ด้านนางบุญมี แม่เฒ่า วัย 66 ปี ผู้ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเองในครั้งนี้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวที่สื่อมวลชนช่วยนำเสนอขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองออกไป ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในจ.ชัยภูมิ เร่งยื่นมือลงมาให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้เพื่อจะได้ความเป็นธรรมกับคืนมาให้ตัวเองได้อีกครั้ง หลังที่ต้องเตรียมถูกฟ้องขับไล่ให้ออกจากบ้านและที่ดินตัวเองดังกล่าวในอีกไม่กี่วันนี้ภายในสิ้นเดือนวันที่ 30 พ.ย.60 นี้
ซึ่งแม่เฒ่า “ต่างรู้สึกซาบซึ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือและยังเชื่อว่าความยุติธรรมความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและจะรอเวลาที่จะได้บ้านที่ดินของตนเองกลับคืนมาเป็นของตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะหมดลมหายใจไปจากที่นี่ เพื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในที่ดินตนเองที่ร่วมแรงร่วมใจกันหาเงินซื้อมากับสามีที่เคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 2522 มาจนปัจจุบันก็อยู่มานานกว่า 38 ปี แล้ว ที่อาศัยอยู่ที่บ้านหลังสามีเสียชีวิตลงไปก่อนมากกว่า 4 ปีที่ผ่านมาแล้ว ตนเองก็ยังเหมือนว่าสามีก็ยังอาศัยอยู่กับตัวเองอยู่ที่บ้านแห่งนี้มาตลอดเหมือนไม่มีใครไปไหนหรือจากกันไปเลยแต่อย่างใด ซึ่งแม่เฒ่ายังกล่าวทิ้งท้ายว่าขอขอบคุณสื่อมวลชนชัยภูมิ ที่มาช่วยนำเสนอข่าวเป็นอย่างมากในครั้งนี้อีกด้วย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสที่จะไปเรียกร้องกับใครได้อีกแล้วในครั้งนี้ด้วย
ข่าวโดย Suttipong77kd@cp
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: