ชัยภูมิ – คึกคักต่อเนื่อง! ช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา โดยเฉพาะเมนูยำจาก”สะตอ โอโซน” รสเด็ด”ตำสะตอด้องแด้ง”สุดแซบจากสวนในพื้นที่ สร้างรายได้สูงวันละไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวบานปีนี้สุดคึกคัก!
( 17 ก.ค.62 ) บรรยากาศการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ ในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษา โดยเฉพาะเทศกาลท่องเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวบานปีนี้ ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งจะมีให้ชมหนึ่งปีมีครั้งเดียวแห่งเดียวในโลก โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ใน 10 แห่ง ของโลกในเมืองไทย ที่ปีนี้จะมีทุ่งดอกระเจียวผลิดอกให้ชมได้แค่ช่วงเดือน มิ.ย.-ต้น ก.ย.62 เท่านั้น
และใน อบต.บ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เองก็ได้มีการเข้ามาส่งเสริมสนับสนุนการปลูกพืชแบบผสมผสานเพื่อสร้างรายได้แบบยั่งยืนให้กับคนชุมชน เพื่อที่จะเป็นการเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนจากการท่องเที่ยวในปัจจุบันได้ควบคู่กันเป็นอย่างดีมาต่อเนื่องได้อีกทาง
โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีความเป็นจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ภูมิประเทศของจ.ชัยภูมิ ในรอบบริเวณทุ่งกระเจียวบาน ที่จะเป็นพื้นที่เชิงเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 846 เมตร – 1 กิโลเมตรขึ้นไป ที่จะมีอากาศโอโซนอันบริสุทธิ์ ทำให้ผลผลิตออกมามีรสชาติไม่เหมือนใคร กลายเป็นจุดเด่นของสินค้าเกษตร และผลไม้นานาชนิดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นักชิม ไปทั่วสารทิศทั้งทุเรียนโอโซน และผลผลิตของสะตอ ที่อยู่ในจ.ชัยภูมิ จะมีรสชาติแซบไปอีกแบบหาชิมได้ยาก จนเป็นส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาแวะเลือกซื้อ ลองชิมกันไม่ขาดสาย อย่างดีมาจนปัจจุบัน
ซึ่ง นายกรานต์ เขตจันทึก นายก อบต.บ้านไร่ กล่าวว่า เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว พร้อมด้วย นางธัญธิตา ศรีสุระ เกษตรจังหวัดชัยภูมิ ที่ปีนี้ได้เข้ามาช่วยส่งเสริมแนวทางการส่งเสริมรายได้จากภาคเกษตรให้สอดรับกับเทศกาลท่องเที่ยวชมทุ่งดอกระเจียวบานที่จ.ชัยภูมิ ให้มีศักยภาพมากขึ้น และยังจัดให้มีการเสวนาทางวิชาการ การผลิตสินค้าเกษตรและการเชื่อมโยงด้านการตลาด ส่งเสริมสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนของจังหวัดชัยภูมิ ตลอดจนการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในชุมชนในช่วงนี้ได้มากขึ้น
ซึ่งตลอดช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ชาวชุมชนตำบลบ้านไร่ ได้ปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตรมาเป็นพื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน มีการปลูกพืช ผลไม้นานาชนิด เช่น ทุเรียน เงาะ ลำไย สะตอ และอื่นๆเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดชัยภูมิ และพืชที่สร้างรายได้ให้มากที่สุดในปัจจุบัน นอกจากทุเรียนโอโซน ก็คือ “สะตอ” ที่มีรสชาติมัน กรอบ เนื้อแน่นกลิ่นไม่ฉุน และนำไปประกอบอาหารถูกใจคนที่ไม่ชอบกลิ่นสะตอเดิมๆ ที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง ทำให้มีปริมาณลูกค้าในตลาดเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องมากขึ้นทุกปี เมื่อใครพาครอบครัวมาเที่ยวทุ่งกระเจียว จะต้องแวะเลือกหาซื้อ และแวะร้านที่ทำอาหารรสเด็ดจากสะตอ รับประทานก่อนเดินทางกลับกันเป็นจำนวนมาก
ด้านคุณแม่ชั้น สุวรรณ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 349 หมู่ 1 ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เล่าว่า เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ชาวบ้านไร่ได้ไปทำงานที่ จ.ชุมพร ภาคใต้ เมื่อกลับมาบ้านได้นำเมล็ดสะตอ มาทดลองเพาะปลูกที่บ้านไร่ ปรากฏว่าต้นสะตอ เจริญเติบโต ประมาณ 5 ปี มีผลผลิตฝักสวยงามมาก จึงได้ขอเมล็ดมาปลูกไว้ที่ไร่ของตนเอง ปลูกเป็นร่มเงา ประมาณ 20-30 ต้น ต่อมาสะตอได้ออกดอกออกผล แรกๆก็แจกลูกๆหลานๆ ต่อมา เมื่อมีคนรู้จักก็มีพ่อค้ามารับไปขาย ช่วงสะตอ ออกฝักเยอะสามารถขายได้กิโลกรัมละ 60-80 บาท บางวันขายได้ถึงวันละ 5,000 บาท เลยทีเดียวโดยเฉพาะช่วงเทศกาลชมทุ่งดอกกระเจียว
โดยเฉลี่ยต้นสะตอ หนึ่งต้นจะได้ผลผลิตประมาณ 5,000 – 10,000 บาท ต่อปี แบบไม่คาดคิดว่าสะตอ ปลูกที่จ.ชัยภูมิจะสร้างรายได้ให้ได้ถึงขนาดนี้ ปัจจุบันต้นสะตอที่ปลูกไว้อายุเกือบ 20 ปี ก็ยังสามารถออกผลผลิตได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่ใส่ปุ๋ย ให้น้ำพอประมาณอย่าให้ขาด ศัตรูจำพวกแมลงก็มีน้อยมาก เป็นการลงทุนครั้งเดียวสามารถสร้างรายได้แบบยั่งยืนถึงลูกหลานมาได้จนปัจจุบัน
สำหรับเมนูเด็ดที่นักท่องเที่ยวมาแล้ว ไม่ควรพลาดต้องแวะหาร้านลองชิมเมนูจาก” สะตอ โอโซน” รสเด็ดจากร้านอาหารในชุมชนที่นำมาทำอาหารหลากหลาย อย่างร้านอาหารครัวผู้ใหญ่อี้ “ส้มตำยกครก” ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนบ้านไร่พัฒนา ได้นำเม็ดสะตอ มาปรุงเป็นอาหารรสเด็ด เช่น ตำ “สะตอ”ด้องแด้ง , น้ำพริก “สะตอ” , สะตอผัดกุ้ง ฯลฯ ในช่วงวันหยุดขายดีสุดๆ
ทั้งนี้ อบต.บ้านไร่ ได้จัดสถานที่ร้านค้าชุมชน “ตลาดวัฒนธรรมชุมชน” ณ บริเวณสามแยกปากทางเข้าชมทุ่งกระเจียวอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ไว้ค่อยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้แวะเลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้านและยังเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชน ได้นำผลผลิตของตนเองที่ปลูกมาขายเองที่ตลาดวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งเป็นสินค้าจากสวนของเกษตรโดยตรงมาวางจำหน่ายสดๆ มีให้เลือกจำนวนมากทุกวัน
