ชัยภูมิ – หลังสื่อชาวโลกโซเชียล พากันออกมารุมจวกยับแชร์ว่อนคลิปมีการปล่อยรถบัสโดยสารประจำทางที่มีสภาพไม่พร้อมใช้งานเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่มีการปล่อยให้ออกมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารในปัจจุบันกันหลายพื้นที่กันอย่างโจ่งครึ่ม ด้านทางกรมการขนส่งทางบกสั่งให้ขนส่งจังหวัดแต่ละพื้นที่เร่งตรวจสอบและมีหนังสือคำสั่งเรียกผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงและนำรถดังกล่าวเข้ามาตรวจสภาพด่วนใน 15 วัน ล่าสุดพบมีความผิดในการนำรถสภาพไม่พร้อมใช้งานออกมาวิ่งและมีการดำเนินการทางกฎหมายเปรียบเทียบปรับแล้ว ก่อนที่ด้านทาง รมว.คมนาคม ได้มีคำสั่งด่วนกำชับให้เอาจริงสั่งล้อมคอกทุกพื้นที่ทั่วประเทศห้ามปล่อยรถโดยสารสภาพไม่พร้อมเสี่ยงอุบัติเหตุออกมาวิ่งโดยเด็ดขาด!
( 26 ก.ย.62 ) ที่จ.ชัยภูมิ ความคืบหน้าหลังมีชาวบ้านจำนวนมาก และมีผู้ใช้รถได้บันทึกภาพคลิปขณะมีรถบัสโดยสารประจำทาง ปรับอากาศชั้น 2 สีเขียวขาวคาดส้มหมายเลขข้างรถระบุตัวเลข 509-12 และ 509-19 ป.2 ขอนแก่น-ชัยภูมิ ที่จะใช้เส้นทางออกมาวิ่งรับส่งผู้ใช้บริการเป็นประจำสาย ชัยภูมิ – ขอนแก่น
จากสถานีขนส่งอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ เพื่อไปรับส่งผู้โดยสารปลายทางที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งครั้งนี้ตามภาพคลิปที่จับภาพไว้ได้ ลักษณะของตัวรถคันดังกล่าว จะเห็นว่าช่วงล่างของรถจะมีลักษณะเสียศูนย์หนักเอียงค่อมเลนถนนประมาณกว่า 30 องศาฯ จนสภาพรถใกล้ล้มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรถโดยสารคันดังกล่าวยังวิ่งด้วยความเร็ว จนเป็นที่หวาดเสียวของชาวบ้านจำนวนมากที่ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางระหว่าง 2 จังหวัด ขอนแก่น – ชัยภูมิ อยู่เป็นประจำในปัจจุบัน
ซึ่งชาวบ้านมีการร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบกและกระทรวงคมนาคมให้ช่วยตรวจสอบ และต่างพากันนำภาพคลิปดังกล่าวมาแชร์ถึงภาพความไม่เหมาะสมในการนำรถโดยสารที่มีสภาพเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และไม่น่าจะมีความพร้อมในการนำออกมาใช้งาน การอย่างปลอดภัยได้กันเป็นจำนวนมากในขณะนี้ และมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเสี่ยงได้ไม่คุ้มเสีย ว่าไม่ควรปล่อยให้รถโดยสารประจำทางที่มีสภาพเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายออกมาวิ่งได้ขนาดนี้ พร้อมฝากวิงวอนผ่านสื่อมวลชนผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่ยังมีการปล่อยให้รถโดยสารประจำทางในลักษณะนี้ออกมาวิ่งได้อีกจำนวนมากในทั่วประเทศเป็นการด่วนด้วย
จนต่อมากรมการขนส่งทางบก โดยนายณัฎฐ์ ศุภนคร หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง ทำการแทนนายทะเบียนประจำจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ แจ้งข้อเท็จจริงต่อการเร่งดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการนำเสนอต่อสื่อมวลชนจำนวนมากและชาวโซเชียลไปทั่วในขณะนี้ระหว่างตั้งแต่ช่วง 23-25 ก.ย.62 ที่ผ่านมา
ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ได้มีหนังสือด่วนแจ้งไปยังผู้ประกอบการและพนักงานขับรถบริษัทที่รับผิดชอบเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง สายชัยภูมิ-ขอนแก่น เพื่อให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง และให้นำรถคันดังกล่าวมาตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49 (3) แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 นายทะเบียนประจำจังหวัดชัยภูมิ จึงขอให้ผู้ประกอบการหรือพนักงานขับรถบัสโดยสารคันดังกล่าว ที่อาจเกิดความเสี่ยงมีสภาพรถไม่มั่นคงแข็งแรงจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้บริการได้ เพื่อมาให้ถ้อยคำชี้แจงข้อเท็จจริง ณ กลุ่มวิชาการขนส่ง และนำรถคันดังกล่าวมารับการตรวจสภาพ ณ ฝ่ายตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ภายใน 15 วัน
ซึ่งล่าสุดวันนี้นายปิยะ โยมา รักษาการขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ได้มีการแจ้งความคืบหน้าว่า ผู้ประกอบการเดินรถดังกล่าว ได้มีการนำรถดังกล่าวไปตรวจสภาพต่อขนส่งจังหวัดแล้ว ซึ่งมีฐานความผิด ตาม พรบ.การขนส่งทางบกฯ ที่มีการปล่อยรถโดยสารประจำทางของตนเองที่ไม่อยู่ในสภาพปลอดภัยออกมาวิ่งใช้งานเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้บิการ จึงมีการดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อผู้ประกอบการรายนี้แล้ว เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท
รวมทั้งได้แจ้งให้เร่งไปดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมรถคันดังกล่าวให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตามระเบียบการตรวจสภาพรถ และให้นำรถคันดังกล่าวกลับมาตรวจสอบสภาพที่สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ เพื่อยืนยันการตรวจสภาพอีกครั้ง ก่อนที่จะผ่านการตรวจสอบให้กลับนำมาใช้งานได้ต่อไป
โดยครั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีคำสั่งนโยบายเร่งด่วนในกรณีที่เกิดขึ้น ในการนำรถโดยสารออกมาวิ่งให้บริการประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จากนี้ไป ต้องมีความปลอดภัยมีสภาพรถที่มั่นคงทุกครั้ง และให้กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการในการตรวจสอบรถ การใช้รถใช้ถนนของผู้ประกอบการเดินรถประจำทางทุกคัน ต้องเข้ารับตรวจความพร้อมของตัวรถ และพนักงานขับรถต้องเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย จากนี้ไปจนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2563 ซึ่งจะต้องมีการตั้งจุดตรวจเข้มรถโดยสารสาธารณะทุกระยะทาง 90 กิโลเมตร ในทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้บริการเดินรถโดยสาร และสร้างความเชื่อมั่นในระบบการขนส่งสาธารณะในทั่วประเทศให้กลับคืนมาให้ได้โดยเร็วต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: