ตรัง – ตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตาม มทร.สร้างอาคารรุกพื้นที่ป่า และยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์จากอดีตอธิการบดี มทร. ที่กระทำการละเมิด สร้างความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน
วันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้ชำนาญการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหาร มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เพื่อรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ซึ่งได้ก่อสร้างบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองกะลาแส – ป่าคลองไม้ตาย” หมู่ที่ ๓ ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และเข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ การกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม เนื้อที่กว่า 21 ไร่ และกระทำความผิดในฐานะเจ้าหน้ารัฐจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สร้างความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน ต้องรับผิดทางละเมิด ทั้งนี้ คดีดังกล่าวใกล้จะหมดอายุความแล้ว แต่ทาง มทร.ศรีวิชัย ตรัง ยังไม่ได้ดำเนินการใช้มาตรการทางปกครอง บังคับคดีให้นายประชีพ ชูพันธ์ อดีตอธิการบดี มทร.ชดใช้ค่าเสียหายกลับคืนให้กับทางมหาวิทยาลัยเป็นเงินจำนวนกว่า 66 ล้านบาท และค่าเสียหายที่ทาง มทร.ต้องจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างจำนวน 12 งวด เป็นเงินกว่า 64 ล้านบาท ทั้งนี้ ทางผู้ร้องได้ยื่นเรื่องร้องต่อสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดินมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่พบว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการเร่งรัดคดีให้เป็นตามกฎหมายภายในกำหนดระยะเวลา นอกจากนั้น ทางผู้ร้องได้ยื่นเอกสารร้องเรียนเพิ่มเติมกับตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดินให้ติดตามใน 8 กรณี เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.กรณีให้นายประชีพ ชูพันธ์ อดีตอธิการบดี มทร.ชดใช้เงิน ทางละเมิด จำนวนเงินกว่า 66 ล้านบาท , ชดใช้เงินกรณีบุกรุกทำลายทรัพยากร เนื้อที่ 21 ไร่เศษ เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท 2. คดีฮั้วประมูลการก่อสร้างกลุ่มอาคารดังกล่าว 3. ให้เร่งรัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่บุกรุก 4. พบมีการบุกรุกเพิ่มเนื้อที่กว่า 402 ไร่ ให้เร่งรัดตรวจสอบ และ 5.ขอความเป็นธรรมกรณีถูกข่มขู่คุกคาม เป็นต้น
ทางด้านตัวแทนฝ่ายกฎหมายของ มทร.วิทยาเขตตรัง ได้ชี้แจงถึงผลการทำงานเร่งรัดคดีให้เป็นตามกฎหมายได้อย่างไม่เต็มปาก โดยเฉพาะในกรณีการใช้มาตการบังคับทางปกครองกับนายประชีพ ชูพันธ์ แม้คำสั่งศาลปกครองสูงสุดจะสิ้นสุดมานานแล้ว แต่ทาง มทร.ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการสืบทรัพย์ หรือยื่นเรื่องขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์นายประชีพแต่อย่างใด หวั่น มทร.เข้าด้วยช่วยเหลือ เปิดโอกาสให้นายประชีพ มีเวลายักย้ายถ่ายเททรัพย์จนนำสืบไม่พบ หรือไม่มีให้ยึด เพื่อนำมาชดใช้ค่าเสียหายคืนให้กับแผ่นดิน โดยล่าสุด ทางฝ่ายกฎหมาย มทร.ตรัง ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง เพราะที่ผ่านมาได้ใช้เวลาในการหารือไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง
จากนั้นทางตัวแทนผู้การแผ่นดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพของกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและท่องเที่ยวดังกล่าวด้วย ซึ่งมีทั้งหมดประกอบด้วย หลังเดี่ยว 10 หลัง และหลังคู่อีกจำนวน 4 หลัง ทั้งนี้ พบว่าสภาพทั่วไปรอบตัวอาคารแต่ละหลังมีหญ้าขึ้นปกคลุมโดยรอบและบนหลังคา ขณะนี้ตัวอาคารเกิดการชำรุดทรุดโทรม แตกหักในหลายส่วน
ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้ชำนาญการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า มาเพื่อขอความร่วมมือให้มทร.ตรัง ดำเนินการสืบทรัพย์เอาจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดข้อหาละเมิด จนสร้างความเสียหายต่องบประมาณของแผ่นดิน ทั้งนี้ เงินราชการทุกบาททุกสตางค์ไม่ควรจะสูญหายไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ พื้นที่ก่อสร้างควรจะพัฒนาใช้ประโยชน์ได้ แต่ปรากฏว่างบประมาณสูญเปล่าโดยรัฐไม่ได้อะไรกลับมา โดยหลังจากนี้ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จะทำหนังสือสอบถามไปยัง 1.สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการดำเนินกับเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการละเมิด 2.ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ อย่างไร และกรณีการตรวจสอบบัญชีต้องเร่งกระทำ เพราะขณะนี้ยังหาผู้รับผิดชอบการกระทำความผิดทางละเมิดไม่ได้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป จะต้องเร่งรัดติดตามต่อไป ส่วนกรณีการจะเอาอาคารที่ก่อสร้างและทิ้งร้างดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปนั้น เนื่องจากกฎหมายห้ามไม่ให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน กรณีนี้ผู้มีอำนาจในการอนุมัติคือ ครม.ซึ่งปัจจุบันมีการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ร.บ.ป่าไม้ต่างๆ จึงต้องขึ้นอยู่กับอำนาจตัดสินใจของ ครม. ส่วนหน่วยตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ต้องยึดหลักกฎหมาย ร้องมา 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ดำเนินการสืบทรัพย์บังคับใช้มาตรการทางปกครอง เงินที่ใช้เป็นเงินภาษีงบประมาณของประเทศ ทั้งนี้ จะนำผลการลงพื้นที่รายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป หลังจากนี้อีกประมาณ 6 เดือน คาดว่าคงจะมีคำวินิจฉัยออกมา เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว ส่วนคดีฮั้วประมูลขณะนี้ทราบว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาแล้วว่าคดีมีมูลทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ปปช.ก็รับเรื่องไว้แล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: