ตรัง – เจ้าของบริษัทร้องถูกโจรชั่วหลอกซื้อหมู แต่กลับเชิดหมูหนีลอยนวลสูญเงินกว่า 1 แสนบาท เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูระวังจะตกเป็นเหยื่อ ตั้งรางวัลนำจับ 2 หมื่นบาท หากประชาชนพบเบาะแสแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำสู่การจับกุมคนร้าย เชื่อทำเป็นขบวนการ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายพงษ์ศักดิ์ ราชาประจันทร์ อายุ 33 ปี เจ้าของบริษัท สาม ก.รุ่งเรืองฟาร์ม จำกัด ชาว อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเลี้ยงหมูแบบครบวงจร โดยมีเกษตรกรสมาชิกที่เลี้ยงหมูป้อนให้กับบริษัท ทั้งในพื้นที่ จ.นครศรีฯ และ จ.ตรัง หลายราย พร้อมเพื่อนและคนงานของบริษัทรวม 6 คน นำผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 28/2 หมู่ 4 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ใกล้ตลาดท่างิ้ว ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นจุดพักหมู และจุดนัดส่งมอบหมูให้กับนายแทน ( ชื่อที่คนร้ายใช้อ้างในการโทรศัพท์สั่งซื้อหมู) โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางเคียง แสงสวัสดิ์ อายุ 52 ปี เจ้าของฟาร์มหมู หลังเกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น.คนงานของบริษัทได้บรรทุกหมูจำนวน 26 ตัว ที่บริษัทรวบรวมได้จากสมาชิกที่เลี้ยงในพื้นที่จังหวัดตรัง นำมาส่งมอบให้กับนายแทน ( ชื่อที่คนร้ายใช้อ้างในการโทรศัพท์สั่งซื้อ) โดยนัดหมายให้ไปส่งที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทางคนงานเข้าใจว่าเป็นบ้านของนายแทน โดยเริ่มแรกนายแทน (คนร้าย) ขับรถยนต์กระบะไปจอดรอที่หน้าโรงพยาบาลห้วยยอด และเมื่อรถคนงานมาถึง ก็ขับนำไปที่บ้านหลังดังกล่าว แต่เมื่อขับมาถึงบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว ปรากฎว่าคนร้ายได้ออกอุบายให้คนงานเร่งนำหมู จำนวน 12 ตัว ซึ่งทุกตัวอยู่ในชุดหมู (กรงขัง) ขึ้นรถกระบะอีกคัน โดยบอกว่าจะเร่งนำไปส่งให้กับลูกค้าบ้านใกล้ๆ ที่รีบและรอรับหมูอย่างเร่งด่วน ส่วนที่เหลือให้เอาไปลงขังไว้ในคอกหลังบ้าน ทำให้คนงานหลงเชื่อ เพราะคิดว่าเป็นบ้านของนายแทน (คนร้าย) เอง จึงรีบเคลื่อนย้ายหมูจากกระบะของบริษัทจำนวน 12 ตัว ขึ้นรถกระบะคนร้าย ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ตอนเดียว สีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนร้ายบอกว่าจะรีบไปส่ง และจะรีบกลับ และจะเอาเงินสดมาให้ด้วย ส่วนหมูที่เหลือให้นำไปลงไว้ในคอกหลังบ้าน คนงานจึงหลงเชื่อ จากนั้นด้วยความซื่อและด้วยความหวังดี ยังได้นำเชือกของตนเองไปผูกมัดไว้ท้ายรถกระบะคนร้าย เพื่อกั้นไม่ให้หมูร่วงหล่นจากกระบะคนร้ายอีกด้วย จากนั้นคนร้ายก็รีบขับรถออกไปทันที ส่วนข้างหลังคนงานก็นำหมูที่เหลืออีก 14 ตัว ขับไปลงไว้ในคอกหมูหลังบ้านของนางเคียงตามคำสั่งของนายแทน (คนร้าย) จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนผิดสังเกต และนางเคียงเจ้าของฟาร์มหมูได้เข้ามาพูดคุยด้วย และเมื่อสอบถามกันไปมา ทำให้รู้ว่านายแทน (คนร้าย) ไม่ใช่ลูกชายของนางเคียง และไม่ใช่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และนายแทน (คนร้าย) มาขอเช่าพื้นที่คอกหมูของนางเคียงเป็นเงิน 2,000 บาท เพื่อลงพักหมู โดยที่นายเคียงก็ไม่เคยรู้จักคนร้ายมาก่อนเช่นกัน คนงานจึงตกใจ และพยายามโทรตามไปที่เบอร์ของนายแทน (คนร้าย) แต่ปรากฏว่าคนร้ายได้ปิดโทรศัพท์มือถือ และหลบหนีหายเข้ากลีบเมฆ ทางคนงานจึงโทรแจ้งตำรวจ
นายสมพงษ์ บัวทอง อายุ 24 ปี คนขับรถส่งหมูของบริษัท เล่าว่า ตนเองกับเพื่อนนำหมูมาส่ง โดยคนร้ายนัดพบกันที่หน้าโรงพยาบาลห้วยยอด จากนั้นเขาก็ขับนำมาที่บ้านหลังนี้ ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นบ้านของคนร้ายเอง เมื่อมาถึงขณะจอดรถหน้าบ้าน คนร้ายลงจากรถแล้วบอกให้ตนเองและเพื่อนช่วยนำหมูขึ้นรถกระบะ (ของคนร้าย) จำนวน 12 ตัวก่อน เพราะลูกค้าเร่งจะรีบเอาก่อน 12 ตัว บ้านก็อยู่ใกล้ๆ ส่งเสร็จจะรีบกลับมาและเอาเงินให้ด้วย ส่วนหมูที่เหลือให้เอาไปลงไว้ในคอกหลังบ้าน พวกตนจึงหลงเชื่อเพราะคิดว่าเป็นบ้านคนร้าย แต่เมื่อพวกตนเองเอาหมูที่เหลืออีก 14 ตัว ไปลงที่คอกขังไว้ และระหว่างนั่งรอก็ได้พูดคุยกับป้าเจ้าของคอกหมู แต่ปรากฏว่าคนร้ายหายไปนานผิดปกติ จึงโทรตาม ปรากฏว่าคนร้ายปิดมือถือ จึงเอะใจ จึงสอบถามขอเบอร์โทรศัพท์ใหม่จากป้าเจ้าของคอกหมู เพราะเข้าใจว่าเป็นลูกชายป้า แต่สุดท้ายก็ทราบว่าไม่ใช่ลูกป้าและป้าก็ไม่รู้จัก โดยคนร้ายได้โทรศัพท์มาติดต่อและนำเงินมาให้ป้าเจ้าของคอกหมู จำนวน 2,000 บาท เพื่อขอลงหมูฝากไว้เท่านั้น จึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคนร้ายผิวคล้ำ ส่วนสูงประมาณ 160 -170 ซม.ใช้ผ้าขาวม้าคาดศีรษะ ใช้รถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ ตอนเดียว สีบรอน ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายต้องทำเป็นขบวนการ
ทางด้านนายพงษ์ศักดิ์ ราชาประจันทร์ เจ้าของบริษัท กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ตนเองได้รับโทรศัพท์ผ่านมือถือจากนายแทน ( ชื่อที่คนร้ายอ้าง) โทรขอสั่งซื้อหมูตนเองจำนวน 30 ตัว ตนเองไม่เคยรู้จัก และไม่คุ้นเบอร์มือถือ จึงถามไปว่าได้เบอร์ตนเองมาจากไหน คนร้ายบอกว่าได้มาจากนายบอย บ้านอยู่เคียนซา ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่ารู้จัก เพราะซื้อขายหมูกันอยู่ ตนเองก็ถามกลับไปอีกว่า แล้วก่อนหน้านี้รับหมูจากใครอีก นายแทน (คนร้าย) ก็บอกว่ารับจากพี่พร ที่ จ.พัทลุง ตนเองก็บอกว่ารู้จัก จึงถามเรื่องราคา และถามเรื่องการจ่ายเงินว่าจ่ายแบบไหนอย่างไร คนร้ายก็บอกว่าจ่ายโดยการโอนเข้าบัญชี หรือจ่ายเงินสดก็ได้ ตนเองก็ถามว่าแล้วมีไลน์หรือไม่จะได้ติดต่อกันผ่านไลน์ คนร้ายก็บอกว่าไม่มีไลน์ ซึ่งตนก็รู้สึกเอะใจเล็กน้อยว่า โอนเงินอย่างไรเมื่อไม่มีไลน์ส่วนตัว จึงบอกไปว่างั้นขอเก็บเงินสดปลายทางตอนไปส่ง คนร้ายก็ตกลง และบอกว่าขอสั่งซื้อจำนวน 30 ตัว ให้ไปส่งพรุ่งนี้ ( 16 ก.พ.) ที่บ้านที่ ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด ตนจึงบอกว่าส่งได้แค่ 26 ตัว จึงนัดแนะสถานที่กันเรียบร้อย จากนั้นตนเองก็โทรไปสั่งลูกน้องคนส่งหมูให้ไปรับหมูจากสมาชิกแล้วนำไปส่งตามจุดนัดดังกล่าว พร้อมกำชับลูกน้องหากเป็นการโอนเงินผ่านบัญชี ให้ตรวจสอบสลิปเงินการโอนให้ดี และส่งมาให้ตนตรวจเช็คด้วย หรือหากจ่ายเป็นเงินสดก็ให้ตรวจนับเงินให้ถูกต้อง จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งตนเองก็เชื่อว่าคนร้ายน่าจะทำเป็นขบวนการ และใจร้ายมาก ตนเองไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตน ตนเริ่มไต่เต้าจากพ่อค้าหมูรายเล็กๆ จนมาเปิดบริษัทและมีสมาชิกเลี้ยงหมูให้หลายรายทั้งใน จ.นครศรีฯ และจ.ตรัง และขณะนี้ตั้งตัวได้แล้ว ตนเองสูญเสียหมูไปจำนวน 12 ตัว ตกราคาตัวละประมาณ 7,000 บาท พร้อมชุดใส่หมู ราคาชุดละ 2,200 บาท และค่าขนส่งตัวละ 150 บาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 104,000 บาท ซี่งตนเองจะต้องรับผิดชอบนำเงินไปจ่ายคืนให้กับสมาชิกเจ้าของหมูด้วย ทั้งนี้ หากคนร้ายไปหลอกซื้อกับเกษตรกรรายเล็กๆ จะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก เพราะหมูแต่ละตัวต้องลงทุนมาก ทั้งค่าอาหารซึ่งมีราคาแพง และต้องเลี้ยงนานถึง 4 เดือนกว่าจะขายได้ ซึ่งหากถูกหลอกไปจะทำให้หมดตัวได้ จึงขอเตือนภัยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกรายระมัดระวังมิจฉาชีพที่หากินในลักษณะนี้ไว้ด้วย ขณะเดียวกันอยากขอร้องคนร้ายอย่าไปทำกับเกษตรกรรายอื่นๆอีกเลย เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะเกษตรกรรายเล็กๆที่อาจจะเลี้ยงหมูเอาไว้เพื่อเป็นรายได้เสริม จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เกิดความเดือดร้อนหนัก พร้อมขอให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก หรือหากมีเกษตรกรรายใดเคยตกเป็นเหยื่อในลักษณะนี้ขอให้เข้าแจ้งความตำรวจเพิ่มเติม เพื่อจะได้เป็นเบาะแสให้ตำรวจช่วยติดตามคนร้าย พร้อมตั้งรางวัลนำจับหากมีประชาชนแจ้งเบาะแสคนร้ายจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ ตนเองจะมอบเงินเป็นรางวัลนำจับให้จำนวน 20,000 บาท ทั้งนี้ คนร้ายใช้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อจำนวน 2 หมายเลข คือ 089 – 2948900 และ 095 – 0066715
ด้านนางเคียง แสงสวัสดิ์ เจ้าของฟาร์ม/คอกหมู ที่คนร้ายหลอกขอเช่าคอก เพื่อก่อเหตุดังกล่าว กล่าวว่า ก่อนวันเกิดเหตุประมาณ 2-3 วัน ตนเองได้รับโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่งโทรมาถามว่า พื้นที่คอกหมูตนเองว่างหรือไม่ จะขอเช่าลงหมู ตนเองก็บอกไปว่า มีว่าง หากฝากแค่ 1-2 วัน ได้ แต่ฝากมากกว่านั้นไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นก็ตกลง โดยบอกว่าจะจ่ายตนเอง 2,000 บาท ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร และไม่ได้สงสัยว่าคนร้ายเอาเบอร์ของตนมาจากไหน เพราะตนเป็นแม่ค้า มีฟาร์มเลี้ยงหมูขาย ลูกค้าทุกคนก็จะมีเบอร์ติดต่อตนเอง ซึ่งคนร้ายสามารถไปถามหาจากแผงขายหมูก็ได้ หากจะเอาเบอร์เจ้าของฟาร์ม หรือเจ้าของคอกหมู เพื่อจะสั่งหมู จนกระทั่งวันเกิดเหตุในตอนเช้ามีผู้ชายคนหนึ่งมาที่บ้าน แต่พบหลานตนและให้เงินตามที่ตกลงไว้ จำนวน 2,000 บาท ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของคนร้าย และไม่เคยรู้จักคนร้ายมาก่อน และในวันเกิดเหตุพอทราบความจริง ตนเองก็รีบหาเบาะแสคนร้าย ช่วยสืบหากับพ่อค้า แม่ค้าเขียงหมูที่เป็นลูกค้าทุกราย แต่ไม่มีใครรู้จัก และยินดีจะช่วยติดตามคนร้ายให้ได้ ทั้งนี้ ตนเองเลี้ยงหมูมากว่า 10 ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีใครมาเช่าคอกเพื่อลงหมูในลักษณะนี้แต่อย่างใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: