ชาวบ้านชุมชนหัวสนามบินตรังทั้ง 29 ครัวเรือน ที่ประสบปัญหาการขึ้นลงของเครื่องบินสนามบินตรังทำบ้านเกิดรอยแตกร้าว และมีการร้องเรียนขอให้มีการเวนคืนที่ดินไปพร้อมกับการขยายสนามบินตรัง แต่ยังไม่เป็นผล ล่าสุด รอยแตกร้าวขยายกว้างมากขึ้น ฝนตกหนักน้ำซึมเข้าตัวบ้าน หวั่นบ้านพังทับตาย บางบ้านต้องรื้อหลังคาเปลี่ยนใหม่ เสียเงินอีกหลายหมื่นบาท
วันที่ 7 สิงหาคม 2563 ชาวบ้านชุมชนหัวสนามบินตรัง หมู่ที่ 12 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง จำนวน 29 ครัวเรือน เนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ ที่ประสบปัญหาบ้านแตกร้าวจากการขึ้นลงของเครื่องบินสนามบินตรังมาเป็นระยะยาวนานประมาณ 5-7 ปีแล้ว ต่างยังอยู่ในความทุกข์หนัก หลังมีการร้องเรียนขอให้กรมท่าอากาศยาน ทำการเวนคืนที่ดินไปพร้อมกับการขยายสนามบินที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ แต่ยังไม่เป็นผล แม้ที่ผ่านมาจะมีทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา รวมทั้งนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางลงพื้นที่มารับทราบปัญหา และตรวจสอบสถานที่จริงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้รับการเวนคืนที่ดินหรือไม่ ทั้งนี้ ชาวบ้านยืนยันขณะนี้บ้านทุกหลัง รอยแตกร้าวขยายมากขึ้นกว่าเดิม และมีรอยร้าวทั้งหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ เกิดฝนตกหนักน้ำฝนได้แทรกซึมผ่านรอยร้าวเข้าไปฝาผนังและตัวตึก ทำให้ฝาผนังอุ้มน้ำ และเกิดรอยแยกมากกว่าเดิม จนแทบจะไม่กล้าอยู่บ้าน เพราะกลัวฝาผนังบ้านจะพังทับตาย อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบพื้นที่พบว่า เครื่องบินได้บินขึ้นจากสนามบินตรังในระยะต่ำมาก เกือบติดหลังคาบ้านชุมชน จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด
ข่าวน่าสนใจ:
โดยที่บ้านเลขที่ 182/5 ของนางสมศรี เงินศรี อายุ 59 ปี พบว่าบ้านทั้งหลังเกิดรอยร้าว รอยแยกทั่วทั้งบ้าน ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะในส่วนของหลังคาบ้าน ฝนที่ตกหนักทำน้ำรั่วซึม จนต้องจ้างช่างมาทำการซ่อมแซมรื้อหลังคาบ้านที่ทำจากกระเบื้องอย่างหนา ซึ่งใช้มาได้เพียงแค่ประมาณ 7 ปี เท่านั้น โดยต้องรื้อออกทั้งหลัง แต่ก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านก็ต้องเสียเงินจ้างช่าง มาซ่อมแซมอุดรูรั่วทุกปี แต่ขณะนี้รอยแตกร้าวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องรื้อออกทั้งหลัง แต่สภาพรอยแตกร้าวแยกออกเป็น 2 ซีก และแตกเป็นร่อง ต้องเสียเงินซ่อมแซมในครั้งนี้มากกว่า 60,000 บาท ขณะที่ทางกรมท่าอากาศยาน ก็ยังไม่มีคำตอบว่าจะได้รับการเวนคืนหรือไม่
ขณะที่ช่างที่ทำการซ่อมแซมบ้าน กล่าวยืนยันว่า กระเบื้องมุงหลังคาเป็นอย่างหนา ปกติใช้งานแค่ 7 ปี จะไม่สึกหรอ จะยังแข็งแรงทนทาน แต่สภาพที่พบคือ กระเบื้องมีการซ่อมแซมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และเกิดรอยแตกร้าวทั้งแนวนอน และแนวตั้ง เชื่อว่าเกิดจากแรงสั่นสะเทือนที่สะสมมานานอย่างแน่นอน และไม่เคยเจอสภาพกระเบื้องหลังคาบ้านเสียหายแบบนี้มาก่อน จะพบก็จะผุพังไปตามกาลเวลาเท่านั้น
เช่นเดียวกับบ้านเลขที่ 182/1 ของนางณี กกแก้ว อายุ 67 ปี พาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูห้องครัวของบ้านที่อยู่ด้านหลังเชื่อมต่อกับตัวบ้าน ที่ขณะนี้เกิดรอยแยกระหว่างตัวบ้านกับห้องครัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บางจุดเจ้าของบ้านก็มีการนำปูนมายารูรั่วไว้ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม และไม่ให้น้ำฝนซึมเข้ามาในตัวบ้าน แต่สภาพห้องครัวนั้นสามารถที่พังถล่มลงมาได้ตลอดเวลา เนื่องจากน้ำฝนรั่วซึมเข้าไปภายในผนังบ้านและเกิดการอุ้มน้ำ จนเจ้าของบ้านไม่กล้าอยู่ภายในบริเวณห้องครัวในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก หวั่นห้องครัวพังถล่มลงมา จะเกิดอันตรายได้ เช่นเดียวกับภายในห้องนอน ซึ่งเกิดรอยร้าวรอยแยกไปทั่วเช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: