ชาวบ้าน ต.กะลาเส ลุกฮือประท้วงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ ปล่อยมลพิษทั้ง น้ำเสียลงลำคลอง ฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านมายาวนาน และล่าสุด ปล่อยควันพิษ ทำชาวบ้านทั้งเด็กเล็ก คนชรา และคนวัยทำงานต่างเจ็บป่วยด้วยอาการผดผื่นคันตามใบหน้า ตา ร่างกาย และเป็นโรคหอบหืด ต้องรักษาที่โรงพยาบาล บางรายต้องเข้าห้องไอซียู ทั้งนี้ เมื่อชาวบ้านได้บันทึกภาพและนำภาพไปโพสต์ เจ้าของโรงงานส่งคนไปพูดจาข่มขู่ชาวบ้าน
วันที่ 24 สิงหาคม 2563 ที่บริเวณด้านหน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรายใหญ่ คือ บริษัท โอทาโก้ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ได้มีชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1 , 2 , 3, 5 ,8 ต.กะลาเส อ.สิเกา รวมประมาณ 100 คน นำโดยนายสงวน อั้นเต้ง สมาชิกสภา อบจ.ตรัง เขต อ.สิเกา และนายยงยุทธ ตี้ฮ้อ กำนันตำบลกะลาเส รวมตัวกันประท้วงหน้าโรงงาน โดยเรียกร้องให้บริษัทดังกล่าว ซึ่งประกอบกิจการ เป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากทลายปาล์น้ำมัน ดำเนินการแก้ปัญหามลพิษ ทั้งน้ำเสีย กลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และควันพิษ ที่เกิดขึ้นจากการผลิต และได้ส่งผลกระทบทำให้ชาวบ้านนับ 1,000 ครัวเรือนที่อาศัยอยู่พื้นที่โดยรอบบริเวณโรงงาน โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา รวมทั้งคนวัยทำงาน ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมา ทั้งโรคทางเดินระบบหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และผื่นคัน จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อสร้างโรงงาน และเปิดดำเนินกิจการมา ได้สร้างปัญหาด้านมลพิษแก่ชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำเสียลงสู่ลำคลองทำให้ปลาตาย และกระทบระบบน้ำประปาหมู่บ้าน ปัญหาฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น และควันพิษ โดยมักเกิดขึ้นประจำทุกๆ 2 – 3 ปี โดยชาวบ้านก็ได้รวมตัวกันประท้วงทุกๆ 2 – 3 ปี เช่นกัน แต่ไม่เป็นผล ไม่มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และล่าสุด ในวันนี้ ที่ชาวบ้านได้ลุกฮือรวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน มีการปล่อยกลุ่มควันพิษสีดำ และสีเทาดำ ซึ่งเกิดจากการสกัดน้ำมันปาล์ม และเผาทลายปาล์มน้ำมัน เพื่อผลิตไฟฟ้า ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง เกิดอาการคัน จนเกิดแผลพุพอง ตาบวม ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตลอดเวลา บางรายอาการโรคหอบหีดกำเริบรุนแรง ต้องเข้าห้องไอซียู ทั้งนี้ ชาวบ้านได้นำภาพถ่าย และเปิดภาพบาดแผลอาการผดผื่นที่หมอยืนยันว่าเกิดมลพิษให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย ที่สำคัญพบว่าในวันนี้ และก่อนหน้านี้อีกอีก 2 วัน รวมเป็นเวลา 3 วันแล้ว ที่ทางโรงงานหยุดเดินเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม และหยุดผลิตกระแสไฟฟ้า หลังทราบข่าวชาวบ้านจะรวมตัวกันประท้วงในวันนี้
นอกจากนั้น ขณะที่ชาวบ้านไปรวมกันอยู่หน้าโรงงาน ได้มีนายสุวิทย์ ดรุกานนท์ เจ้าของ บริษัท โอทาโก้ ได้ออกมาพบปะกับชาวบ้านแต่ยืนยันว่าโรงงานของตัวเองไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านอย่างแน่นอน และท้าให้ชาวบ้านเข้าไปพิสูจน์ภายในโรงงาน ทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และควันพิษ และพูดท้าทายชาวบ้านจะไม่ยอมให้ดูใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่ให้ดูผลการตรวจสอบคุณภาพโรงงานก่อนหน้านี้ สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เดินทางไปรับทราบปัญหาข้อร้องเรียนของชาวบ้านด้วย ท้ายที่สุดได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน โดยให้ทางโรงงานเร่งแก้ไขปรับปรุงปัญหาด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับควันดำให้แล้วเสร็จ และในเดือนกันยายนติดต่อให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคใต้ (สงขลา) เข้ามาตรวจสอบ โดยมีตัวแทนชาวบ้านจำนวน 10 คน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สจ.และตำรวจร่วมเข้าตรวจสอบด้วย หากพบไม่ได้มาตรฐาน ก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป ทำให้ชาวบ้านพอใจจึงยอมสลายตัว
นายยงยุทธ ตี้ฮ้อ กำนันตำบลกะลาเส กล่าวว่า โรงงานดังกล่าว ได้สร้างปัญหาด้านมลพิษให้แก่ชาวบ้านและชาวบ้านได้รวมตัวกันประท้วงมาอย่างต่อเนื่อง เช่น พ.ศ.2540 ร้องเรียนเรื่องน้ำเสียจากโรงงาน และ พ.ศ.2557 ร้องเรียนเรื่องควันดำ ซึ่งเมื่อชาวบ้านร้องเรียนแต่ละครั้งทางโรงงานจะหยุดการผลิตเป็นบางช่วง และรับปากจะแก้ปัญหาทุกครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปปัญหามลพิษกลับมาสร้างผลกระทบให้ชาวบ้าน เช่นเดิม ซึ่งตนคิดว่าทางโรงงานไม่จริงจังในการแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน จึงเรียกร้องให้โรงงานเร่งปรับปรุงแก้ไข และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมาโดยตลอด
ด้านนายสงวน อั้นเต้ง ส.อบจ.ตรัง กล่าวว่า เมื่อโรงงานมาประกอบกิจการในชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งตองรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อสังคมได้รับผลกระทบ โรงงานต้องรีบแก้ปัญหา ที่ผ่านมามีตัวแทนจาก บ.โอทาโก้ ไปพบที่บ้านด้วยท่าทีที่ไม่ดี มีการพูดจาข่มขู่ และดูถูกดูแคลนชาวบ้าน ในขณะเดียวกันเสนอแนะให้โรงงานปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตให้มีคุณภาพสูง เพื่อลดควันดำและมลพิษจากโรงงาน
ในขณะที่ชาวบ้านได้นำภาพถ่ายของลูกหลาน และคนในครอบครัวที่ได้รับมลพิษจากโรงงาน จนมีอาการเจ็บป่วย เช่น ทางเดินหายใจ และ อาการคันบริเวณผิวหนัง ที่เป็นอาการเรื้อรังมาเป็นหลักฐานให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
โดยนายธีระวุธ อั้นเต้ง อายุ 36 ปี ชาวบ้าน ได้เปิดรูปลูกสาวอายุ 3 ขวบครึ่ง จากโทรศัพท์มือถือให้ผู้สื่อข่าวได้ดูอาการผื่นคันบริเวณใต้ตาทั้งสองข้าง ซึ่งมีลักษณะบวมคล้ายแมลงกัดต่อย เพื่อพาลูกสาวไปพบแพทย์ที่ รพ.ห้วยยอด หมอให้การวินิจฉัยว่าเกิดจากมลพิษ ซึ่งในแต่ละเดือนต้องพาลูกสาวไปพบแพทย์ เดือนละ 2-3 ครั้ง หรือ ต้องไปพบแพทย์เมื่อทานยาจนหมด ซึ่งแพทย์บอกกับตนว่าต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง จนกว่าร่างกายของลูกจะสร้างภูมิต้านทานได้ ซึ่งต้องเสียค่ารักษาพยาบาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับชาวบ้านบางรายได้เปิดบาดแผลบริเวณใต้ตาซึ่งเกิดจากอาการผื่นจนพุพองให้ดู และแพทย์ยืนยันเกิดจากมลพิษเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรงงานดังกล่าวมันจะปล่อยกลุ่มควันพิษลอยขึ้นสู่อากาศในเวลากลางคืนมากกว่าช่วงกลางวัน ซึ่งสังเกตกลุ่มควันได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล และชาวบ้านจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน อาการผื่นคัน ไอ จาม ตามมาตลอดเวลา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: