X

ตรัง ชาวบ้านรวมกลุ่มปลูกพืชระยะสั้นช่วงหน้าฝนขายสร้างรายได้

ชาวบ้านรวมกลุ่มจับจองพื้นที่ว่างในสวนยางพาราของเพื่อนบ้าน แบ่งกันปลูกพืชไร่ระยะสั้น สร้างรายได้เสริมจากการกรีดยางในช่วงหน้าฝนของทุกปี แต่ละรายมีรายได้เฉลี่ยต่อปี 25,000 – 40,000 บาท

วันที่ 24 กันยายน 2563 จะพาไปดูตัวอย่างชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง รวมจำนวน 18 คน หรือจำนวน 18 ครัวเรือน ที่ใช้เวลาว่างเฉพาะในช่วงฤดูฝน หลังเสร็จสิ้นจากภาระกิจประจำวันในการกรีดยางพารา จะจับมือกันปลูกพืชไร่ หรือพืชล้มลุก (พืชระยะสั้น )ใช้ระยะเวลาปลูกเพียงช่วงเวลาสั้นๆประมาณ 3 – 4 เดือนเท่านั้น แล้วแต่ชนิดก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งขายได้ ซึ่งทั้งหมดจับมือมายาวนานหลายปี ในการมองหาพื้นที่ว่างของเพื่อนบ้านทั้งในหมู่บ้านเดียวกัน และหมู่บ้าน หรือตำบลใกล้เคียง ที่ทำการโค่นยางพารา หรือล้มปาล์มน้ำมันเก่า เพื่อปลูกทดแทนใหม่ แต่ในระหว่างที่เจ้าของที่ดินปรับพื้นที่ใหม่แล้วเสร็จ หรืออายุปลูกยาง ปาล์มน้ำมัน ได้เพียงประมาณ 1 – 2 ปี ก็จะไปขอใช้พื้นที่ว่างกลางร่องสวน เพื่อแบ่งพื้นที่กันปลูกพืชระยะสั้นดังกล่าว หลากหลายชนิด เช่น ถั่วลิสง ถั่วหรั่ง มันขี้หนู มันแกว เผือก มัน พริก มะเขือ ข้าวโพด เป็นต้น โดยไม่ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะมีกี่ไร่ ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวนี้ ก็จะไปขอเจ้าของสวนใช้พื้นที่ทั้งหมด เพื่อปลูกพืชระยะสั้นดังกล่าว เมื่อได้มาก็นำมาแบ่งกันปลูก ทั้งนี้ เจ้าของสวนก็ใจดี จะให้ชาวบ้านปลูกฟรี โดยไม่คิดเงิน หรือค่าเช่าแต่อย่างใด เพราะชาวบ้านจะได้ช่วยกันดูแลสวนให้ด้วย ทั้งไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปกัดกินหรือทำลาย ยางพารา ปาล์มน้ำมันที่เพิ่งปลูกใหม่ รวมทั้งยังทำให้สวนยาง หรือสวนปาล์มน้ำมันไม่ถูกหญ้ารกปกคลุม ไม่ต้องเสียเงินซื้อยาฆ่าหญ้า ไม่ต้องจ้างคนฉีดหญ้า หรือตัดหญ้าด้วย และสุดท้ายพืชที่ตายหลังเก็บเกี่ยวเสร็จยังเป็นปุ๋ยบำรุงดินภายในสวนได้ด้วย

โดยนายสุโชค ดำทอง อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 91 หมู่ 8 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง เจ้าของสวนยางพารา กล่าวว่า สวนยางพาราของตนแปลงนี้ เนื้อที่รวม 13 ไร่ เพิ่งโค่นยางเก่า และปลูกยางใหม่ อายุได้ปีเศษเท่านั้น แต่เพื่อนบ้านในพื้นที่รวมดังกล่าวรวม 18 คน ก็ได้มาขอใช้พื้นที่ว่างกลางร่องสวนยางพารา เพื่อนำไปแบ่งกันปลูกพืชไร่ รวมทั้งพืชล้มลุกทั่วๆที่มีอายุระยะสั้นเป็นปีที่ 2 แล้ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วหรั่ง มันขี้หนู มันแกว เผือก มัน พริก มะเขือ ข้าวโพด เป็นต้น ทั้งนี้ ชาวบ้านมาขอปลูก ตนก็ยินดียกให้ปลูกฟรี ไม่คิดเงิน เหมือนกับเพื่อนบ้านรายอื่นๆที่เป็นแปลงปลูกใหม่ก็เช่นกัน ก็จะยกให้ปลูกฟรี เพราะเห็นประโยชน์ คือ เพื่อนบ้านได้มีรายได้เสริมในช่วงหน้าฝน ซึ่งยางพาราก็กรีดได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะหากฝนตกจะต้องหยุดกรีดยาง แต่พอปลูกพืชเหล่านี้ ก็ทำให้มีรายได้เสริม และทำให้สวนของตนโล่ง ไม่มีหญ้าขึ้นรกด้วย ไม่ต้องเสียเงินฉีดหญ้า หรือจ้างคนตัดหญ้า ก็ดีใจ ชาวบ้านก็ได้มีรายได้เสริมกันด้วย และจะได้เงินเป็นก้อนไว้ใช้จ่าย

ทางด้านตัวแทนชาวบ้าน ที่จับมือกันปลูก กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ในกลุ่มมีกันรวม 18 คน หรือ 18 ครอบครัว จะมองว่าพื้นที่ของใครกำลังปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมจะปลูกยาง หรือปาล์มใหม่ ไม่ว่าจะทั้งหมดกี่ไร่ พวกตนก็จะพากันไปขอใช้พื้นที่ปลูกพืชระยะสั้นดังกล่าว เมื่อได้มาก็แบ่งพื้นที่เท่าๆกัน ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างปลูก ทั้งนี้ พืชพวกนี้จะปลูกได้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้นช่วงสั่นๆ ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องอาศัยแหล่งน้ำ แต่อาศัยเฉพาะน้ำฝนตามฤดูกาลเท่านั้น แต่ทั้งนี้ แต่ละแปลงจะปลูกซ้ำได้แค่ 2 ปี เท่านั้น เพราะเราไม่ต้องใช้ปุ๋ย และแต่ละปีก็จะปลูกได้ไม่เกิน 2 แปลงเท่านั้น เพราะแต่ละคนก็จะทำไม่ทัน เนื่องจากต้องหมุนเวียนกันปลูกพืชต่างๆลงไป เช่นแต่ละรายเมื่อเก็บถั่วลิสง ก็อาจปลูกมันแกว หรือเก็บข้าวโพดหมดก็ปลูกเผือก ซึ่งแต่ละรอบบางรายได้พืช 2 – 3 ชนิด แล้วแต่จำนวนเนื้อที่ที่แบ่งกัน ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ต้องปรับปรุงดิน ปลูกบนดินธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ของมันเอง เมื่อเก็บเกี่ยวพืชชนิดใดหมด ก็จะใช้วิธีดายหญ้าด้วยคน และเผาทำเป็นปุ๋ย จะไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า เพื่อจะได้ปลูกพืชต่อไป หรือหากจะใส่ปุ๋ยก็จะใช้ปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมัก เช่น มูลวัว มูลหมู จากนั้นเอามาหมักแล้วเผา เพื่อนำมาใส่ในช่วงเตรียมดิน จึงทำให้ต้นไม้อุดมสมบูรณ์ และสามารถรักษาคุณภาพดินได้ โดยกลุ่มชาวบ้าน ระบุว่า หากเราทราบว่าใครโค่นยางที่ไหน เพื่อจะปลูกใหม่ พวกเราทั้ง 18 คน ในกลุ่มก็จะไปขอปลูกทั้งหมด ซึ่งเจ้าของสวนยางเขาก็ใจดีให้ปลูก เพราะจะได้ช่วยกันดูแลสวนยางด้วย ไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้ามารบกวน รวมทั้งหญ้าจะได้ไม่ขึ้นรก ต้องเสียเงินจ้างคนฉีดยาฆ่าหญ้า หรือตัดหญ้า โดยแต่ละแปลงจะปลูก 2 ปี ติดต่อกัน ซึ่งแต่ละปีอาจจะมี 1- 2 แปลง ซึ่งหากมากกว่านั้นจะทำไม่ทัน โดยพืชที่ปลูกจะเป็นพืชล้มลุกระยะสั้น ให้ผลผลิตเร็ว และราคาดี เช่น ถั่วลิสง (ภาษาถิ่นใต้ เรียกถั่วใต้ดิน ) , ถั่วหรั่ง (เมล็ดเดี่ยวกลม) เผือก มัน มันแกว พริก มะเขือ ข้าวโพด เป็นต้น ระยะเวลาในการปลูก บางชนิด 3-4 เดือน แล้วแต่ชนิด ไม่ต้องใช้น้ำ ใช้น้ำฝน ยกตัวอย่างมันแกว จะเก็บผลผลิตเร็ว เพราะจะเอาหัวขนาดกลาง ขายง่าย ทั้งปรุงอาหารหรือขายเป็นผลไม้ จะหวานกรอบ อร่อย เป็นที่นิยม แต่หากจะขายไปทำเป็นไส้ขนมต่างๆ จะนิยมหัวใหญ่ ก็จะปล่อยทิ้งไว้ใช้เวลานานกว่าจะเก็บเกี่ยว บางหัวได้น้ำหนักเป็นกิโลกรัม

สำหรับราคาขาย ถั่วลิสง ราคาขายส่งราคากก.ละ 35 บาท หากขายปลีกกก.ละ 40 บาท ถั่วหรั่งราคากก.ละ 49 บาท เผือก กก.ละ 40 บาท ข้าวโพด ราคากก..ละ 20 – 30 บาท มันแกว ขายส่งราคากก.ละ 15 – 18 บาท ขายปลีก 20 บาท ถือว่าได้ราคาดี และถือว่าราคาดีกว่าราคายางพารา ตลาดก็กว้าง ทั้งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ตลาดนัดชุมชน พ่อค้าแม่ค้าแหล่งชุมชน โรงพยาบาล เรียกได้ว่ามีเท่าไรก็ขายไม่พอ ปีที่แล้วได้ราคาดีกว่า จะส่งขายที่ตลาด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแต่ละรายบอกว่า ต่อปีจะมีรายได้คนละประมาณ 25,000 – 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าใครทำไหวแค่ไหน ถือเป็นเงินก้อนไว้ใช้จ่าย เสริมจากยางพาราที่ราคาพึ่งพาแทบไม่ได้ และหากฝนตกก็จะไม่รายได้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน