ส.ส.ในพื้นที่ พร้อมด้วยนายอำเภอ หน่วยงานป่าไม้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.เร่งลงพื้นที่บ้านลิพัง ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เร่งหาทางซ่อมแซมสะพานข้ามคลองที่หักกลางไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เพื่อช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และชาวบ้านที่ต้องใช้สะพานดังกล่าวสำหรับการเดินทางเข้าออกบ้านไปโรงเรียน และขนพืชผลการเกษตร หลังเกิดน้ำป่าไหลหลากจากฤทธิ์พายุโนอึล ทำสะพานหักจนคุณพ่อต้องแบกลูกหรือจูงลูกสาวตัวน้อย ข้ามสะพานที่หักกลางไป-กลับโรงเรียนเบื้องต้น จะเร่งสร้างสะพานไม้ไผ่ให้แล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า เพื่อให้สามารถใช้การได้ก่อน ระยะ 2 จะเร่งสร้างสะพานชั่วคราวด้วยการทำเสาเข็ม 8 เสา ปูด้วยไม้ชั่วคราว เพื่อรับมือน้ำป่าไหลหลากที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ เพราะในพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนักลงมาอีกระลอก ส่วนระยะยาวเป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวรจะเร่งขออนุญาตกรมป่าไม้ เพื่อสร้างสะพานคอนกรีต โดยขอสนับสนุนงบประมาณจากอบจ.ตรัง
จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านเขาติง ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ร้องเรียนสะพานไม้ข้ามคลองหักหลังถูกน้ำป่าไหลหลากในช่วงพายุโนอึลเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่มีสวนยางพารา รวมทั้งพื้นที่การเกษตรอื่นๆ ที่อยู่ด้านในรวมไม่น้อยกว่า 20 แปลง ที่จะต้องใช้สะพานข้ามคลองดังกล่าว ต้องหยุดกรีดยางพารามายาวนานนับแต่บัดนั้น ทำให้ขาดรายได้ เพราะไม่สามารถจะขนน้ำยาง รวมทั้งขนผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ได้ รวมทั้งบ้านพักอาศัยอยู่ด้านในจำนวน 2 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยบ้านทั้ง 2 หลัง มีบ้านเลขที่ถูกต้อง โดยบ้านหลังหนึ่งมีคนแก่อาศัยอยู่จำนวน 2 คน ขณะนี้ได้ออกจากบ้านไปอาศัยอยู่บ้านญาติ ส่วนอีกหลังซึ่งอยู่อาศัยกัน 2 คนพ่อลูก คือนายธวัชชัย อินทร์เครา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/4 ต.ลิพัง กับเด็กหญิงอัจฉราพร อินทร์เครา (น้องแพรวา) อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้นป.3 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.ปะเหลียน ที่ยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และจะต้องใช้สะพานข้ามคลองที่หักดังกล่าว เพื่อไปโรงเรียนและกลับบ้านทุกวันทั้งเช้า – เย็น โดยหากปริมาณน้ำสูงมาก ก็ต้องหยุดไปโรงเรียน แต่หากพอจะสามารถเดินข้ามได้ คุณพ่อก็พยายามจะแบกลูกขึ้นขี่คอ เพื่อนำไปส่งอีกฟาก ก่อนที่จะกลับไปเอากระเป๋านักเรียนเดินข้ามผ่านมา หรือหากน้ำไม่สูงมากนัก ผู้เป็นพ่อก็จะพยายามจูงลูกเดินข้ามสะพานที่หักอยู่กลางคลองยาวประมาณ 15 เมตร ดังกล่าว ทำให้ลูกสาวซึ่งหวาดกลัวลื่นล้มตกน้ำ ต้องร้องไห้เกือบทุกวันอย่างน่าเห็นใจ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลังสะพานหักชาวบ้านได้ทำหนังสือพร้อมแนบบัญชีหางว่าวชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนรวมจำนวน 38 รายชื่อ ไปยัง อบต.ลิพังแล้ว และร้องเรียนผ่านผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ด้วย แต่ได้รับคำตอบจาก อบต.ว่า พื้นที่นี้อยู่ในเขตป่าไม้ ไม่สามารถจะซ่อมแซมได้ จึงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
ล่าสุด ในวันนี้ นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ผู้แทนราษฎรเจ้าของพื้นที่ พร้อมด้วย นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรังหลายสมัย ซึ่งเป็นคุณพ่อของนางสาวสุณัฐชาฯ นายไพโรจน์ ศรีละมุน นายอำเภอปะเหลียน นายปรีชา สำแดง หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกธารกระจาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารและสมาชิกสภา อบต.ลิพัง ผู้บริหารโรงเรียนทุ่งยาววิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่น้องแพรวาศึกษาอยู่ เร่งลงพื้นที่เพื่อพบปะกับนายธวัชชัย น้องแพรวา และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด เพื่อหาทางช่วยเหลือ โดยทุกฝ่ายลงความเห็นตรงกันว่า จะต้องเร่งหาทางช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านใช้สะพานดังกล่าวมายาวนานทั้งการเข้าออกบ้านทั้ง 2 หลัง และน้องแพรวาต้องไปโรงเรียน ที่ผ่านมามีการซ่อมแซมโดยชาวบ้านมาตลอด แต่ครั้งนี้สะพานหักทั้งหมด ชาวบ้านจึงซ่อมแซมด้วยตัวเองไม่ได้ ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่าความช่วยเหลือเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรกภายในสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกับชาวบ้านในการสร้างสะพานไม้ไผ่ทดแทน เพื่อให้สามารถใช้การได้ชั่วคราว ในการสัญจรไปมา ไปโรงเรียน และขนพืชผลการเกษตร ,ระยะที่ 2 คือ จะเร่งจัดหาเสาเข็ม จำนวน 8 เสา ขนาดยาว 6 เมตร กว้าง 6 เมตร เพื่อนำมาสร้างทำสะพานไม้ชั่วคราวให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อรับมือน้ำป่าไหลหลากที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ เพราะในพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนักลงมาอีกระลอก และระยะที่ 3 คือ หน่วยงานพิทักษ์ป่าน้ำตกธารกระจาย จะเร่งทำหนังสือถึงกรมป่าไม้ เพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่สร้างสะพานคอนกรีต โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ขณะที่ ส.ส.ในพื้นที่จะเร่งประสาน อบจ.ตรัง เพื่อจัดหางบประมาณสำหรับการสร้างสะพานคอนกรีตให้สามารถได้เส้นทางสัญจรไปมาได้อย่างถาวร จึงสร้างความดีใจให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเรียกเสียงปรบมือกึกก้องด้วยความดีใจ
ทางด้านนางอารี โอลาลิ อายุ 55 ปี และนายประจวบ ด้วงดำ อายุ 65 ปี สองสามีภรรยาที่มีบ้านอยู่ด้านใน กล่าวว่า พวกตนมีบ้านอยู่ด้านในโดยอยู่อาศัยมาแล้วกว่า 30 ปี ใช้สะพานนี้มาตลอด หากผุพังชาวบ้านก็ช่วยกันซ่อม และหลังจากน้ำป่าไหลหลากจากพายุโนอึลทำให้สะพานหัก ไม่สามารถเข้าออกได้ตามปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ซึ่งนายประจวบทำงานก่อสร้าง อาจกลับบ้านดึกดื่น และหากเจ็บป่วยในเวลากลางคืน ไม่สามารถเข้าออกได้เสี่ยงอันตราย จึงย้ายไปพักอาศัยอยู่บ้านอดีตกำนันเป็นการชั่วคราว จึงอยากได้สะพานใหม่ให้สามารถเข้าออกบ้านได้ตามปกติ
ข่าวน่าสนใจ:
- ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ เล็งจับเข่าหารือพัฒนา "เลยดั้น" พร้อมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวน้ำหนาว
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
ทางด้านนายถาวร มานะทวี อดีตกำนัน ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน กล่าวว่า สะพานดังกล่าวนี้มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 – 2517 สมัยตนเองยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านและยังไม่เป็นกำนัน แต่มีมาก่อนนานแล้ว หลังจากนั้นหากผุพัง ชาวบ้านก็ช่วยกันซ่อมแซมมาโดยตลอด เพราะสมัยก่อนไม้ที่ผุพังหักโค่นมีจำนวนมาก และมีช้างชักลาก ชาวบ้านสามารถหาไม้มาสร้างซ่อมแซมใหม่ได้ จนหลังสุดซ่อมแซมและใช้งานมาแล้วประมาณ 10 ปี จึงหักลงทั้งหมดจากฤทธิ์พายุโนอึลในครั้งนี้ ซึ่งต้องสร้างใหม่ทั้งหมด แต่ขณะนี้ไม่มีไม้ผุพังหักโค่นตามธรรมชาติแล้ว และอยู่ในเขตป่า จึงไม่สามารถจะซ่อมแซมได้ จึงต้องร้องขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือชาวบ้าน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: