เกษตรกรคิดใหม่ หันปลูกพืชผักปลอดภัยสารพิษ มาตรฐาน GAP ตอบสนองผู้รักสุขภาพ ขายได้ราคาสูงกว่าผักทั่วไป กิโลกรัมละ 5 -10 บาท โดยเฉพาะบรอกโคลี พืชเมืองหนาว ปลูกได้ที่ตรัง ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท แม้พื้นที่เพียงน้อยนิดแต่สร้างรายได้อย่างงาม
นางสาวสมพิษ รงรักษ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง พร้อมสามี ซึ่งถือเป็นเกษตรกรต้นแบบที่คิดใหม่ ทำใหม่ ในการปลูกพืชผักเพื่อจำหน่ายในตลาดให้แตกต่างไปจากเกษตรกรทั่วไป ด้วยการหันปลูกพืชผักปลอดภัยสารพิษ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร ที่มีการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพ ตั้งแต่ดิน น้ำ ว่าปราศจากสารพิษ และไม่ใช้สารเคมีใดๆในการเพาะปลูกให้ตกค้างในดินและน้ำ รวมทั้งตรวจสอบรับรองผลผลิตที่ออกมาด้วยว่าปลอดสารพิษ 100% จึงทำให้พืชผักทุกชนิดที่ออกจากแปลง ได้ราคาสูงกว่าพืชผักที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดถึงกิโลกรัมละ 5 -10 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรมีพื้นที่ทั้งหมด 6 ไร่ แบ่งเป็นปลูกมะพร้าว และปลูกพืชผักหมุนเวียนระยะสั้นต่างๆ ทั้ง มะเขือ พริก กวางตุ้ง คะน้า ผักกาด ฟักทอง ข้าวโพด ผักบุ้ง และโดยเฉพาะบรอกโคลี ซึ่งเป็นพืชเมืองหนาว ที่หลายคนอาจจะคิดว่านำมาปลูกในภาคใต้ไม่ได้ผล เพราะสภาพอากาศทั่วไปจะมีแต่เฉพาะฤดูฝนและฤดูร้อนที่ยาวนาน จนแทบจะไม่ได้สัมผัสฤดูหนาวเลยในแต่ละปี แต่ในที่นี้ เกษตรกรได้แบ่งพื้นที่ประมาณ 2 งานเศษ ปลูกบรอกโคลี ปรากฏว่าผลผลิตออกมาดอกโต สมบูรณ์ น้ำหนักประมาณ 5 – 8 กรัมต่อต้น และขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท แตกต่างจากราคาบรอกโคลี่ที่ขายทั่วไปในท้องตลาดที่ขายอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 60 บาท
นางสาวสมพิษ กล่าวว่า ผักหมุนเวียนที่ได้จากแปลงปลูกของตนเอง ผ่านการรับรองได้มาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร ที่มีการตรวจสอบวิเคราะห์ทั้งคุณภาพน้ำ คุณภาพดิน ว่าไม่มีสารปนเปื้อนใดๆ และไม่ใช้สารเคมีใดๆแล้วทั้งหมด 7 ชนิด เช่น พริก ฟักทอง คะน้า ข้าวโพด มะเขือ กวางตุ้ง และ ผักบุ้ง ส่วนบรอกโคลีขณะนี้อยู่ระหว่างการขอรับรองมาตรฐาน GAP เช่นเดียวกัน โดยตนเองปลูกต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 3 แล้ว ปีนี้ปลูกประมาณ 2 งานเศษ ซึ่งบรอกโคลีปลูกง่ายใช้เวลาประมาณ 3 เดือนเศษ ก็เก็บผลผลิตได้ และปลูกได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น เฉพาะในช่วงที่อากาศหนาว โดยเริ่มปลูกประมาณเดือนตุลาคม และเก็บเกี่ยวประมาณปลายเดือนมกราคม แรกตนใช้ปุ๋ยเคมีบ้างในตอนที่ต้นเล็กๆ เพื่อกระตุ้นให้เจริญเติบโต แต่ไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีใดๆ ทำให้ปลอดจากสารเคมี จะเน้นใช้ปุ๋ยหมัก และน้ำหมักเป็นหลักในการบำรุงต้นและฆ่าแมลง คาดว่าปีนี้จะได้ผลผลิตกว่า100 กิโลกรัม และขายได้ราคาดีมากกิโลกรัมละ 100 บาท โดยจะเก็บไปขายด้วยตนเองในตลาดนัดเกษตรของจังหวัด และตลาดกรีนชินตา ซึ่งเป็นตลาดสดผักปลอดสารพิษ และมีคนสั่งจองเป็นจำนวนมาก ไม่พอขาย เพราะเป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ จากเดิมคนทั่วไปคิดว่าบรอกโคลีเป็นพืชเมืองหนาว ปลูกไม่ได้ผลในพื้นที่ภาคใต้ที่มีอากาศร้อน แต่ตนเองปลูกมาแล้ว 3 ปี ได้ผลดีทุกปี ดอกโต น้ำหนักดอกประมาณ 5 -8 กรัม รสชาติหวาน นุ่ม กรอบ อร่อย สีจะเขียวน้อยกว่าบรอกโคลีที่ภาคเหนือ จึงทำให้ไม่เหม็นเขียว อร่อยกว่าบรอกโคลีจากแหล่งอื่น สำหรับแปลงปลูกของตนเอง ขณะนี้เป็นศูนย์เครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.นาบินหลา อ.เมือง หรือเป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกพืชผักปลอดภัยสารพิษ และเป็นเกษตรกรต้นแบบด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: