ผวจ.ตรัง ลงพื้นที่ติดตามคดีระเบิด ขณะเดียวกันเปิดภาพวงจรปิดที่ได้จากร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุเห็นภาพคนร้ายขณะลงมือก่อเหตุ
วันที่ 5 มีนาคม 2564 จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายจำนวน 1 คน ใช้รถจยย.เป็นยานพาหนะ ใช้ระเบิดขว้างสังหารชนิด M 67 ขว้างใส่บริเวณหน้าร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ บริเวณสี่แยกไปรษณีย์ ถ.สถลสถานพิทักษ์ ต.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นตึกแถวอาคารราชพัสดุสูง 3 ชั้น ทำให้ร้านโทรศัพท์ ร้านเหล้า บ้านเรือน และโรงแรมใกล้เคียง ได้รับความเสียหายรวม 4 หลัง ท่อประปาแตก และมีรถยนต์จอดหน้าร้านจำนวน 2 คันได้รับความเสียหายด้วย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุเบื้องต้น เกิดจากปัญหาขัดแย้งส่วนตัวของกลุ่มวัยรุ่นกับเจ้าของร้านเหล้า ซึ่งเปิดร้านอยู่ติดกับร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ แต่ปาระเบิดพลาดเป้าหมาย ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตำรวจเร่งลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน และเร่งติดตามภาพจากกล้องจรปิดที่สามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ ทำให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ความคืบหน้าล่าสุด ที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือพบว่า ทางร้านเร่งให้ช่างติดตั้งกระจกใหม่แทนบานเก่าที่แตกเสียหาย พร้อมกับให้ช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม ขณะเดียวกัน นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เดินทางลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีนายจักรพงษ์ รัชนีกุล นายอำเภอกันตัง และพ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผู้กำกับการ สภ.กันตัง รอต้อนรับพร้อมรายงานความคืบหน้าของคดี โดยยืนยันคดีดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวของกลุ่มวัยรุ่นกับเจ้าของร้านเหล้า จึงได้มาลงมือเพื่อต้องการข่มขู่ เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งดังกล่าว เพียงแต่คนร้ายปาระเบิดพลาดเป้าหมาย จึงไปตกใส่หน้าร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือ ทั้งนี้ ตำรวจทราบประเด็นความขัดแย้ง และรู้ตัวมือระเบิดแล้ว และเตรียมออกหมายจับเร็วๆนี้
ด้านผู้ว่าฯได้ให้กำลังใจพนักงาน และผู้จัดการร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ พร้อมกำชับให้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่ม ทางด้านผู้จัดการร้านจำหน่ายโทรศัพท์ยืนยัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัญหาไม่ได้เกิดจากปัญหาของร้านแต่อย่างใด แต่คนร้ายปาระเบิดพลาดเป้า ทั้งนี้ ความเสียหายทั้งหมดประมาณ 1 แสนบาท โดยขณะนี้ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมกระจกหน้าร้านที่พังเสียหายทั้งหมดแล้ว ส่วนวงจรปิดเดิมติดตั้งไว้ 2 ตัว ขณะนี้สั่งติดตั้งเพิ่มอีก 3 ตัว รวมเป็น 5 ตัว
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าเหตุดังกล่าวเป็นการขัดแย้งส่วนตัว ในส่วนอาวุธสงครามที่ประชาชนมีไว้ครอบครองนั้น ได้มีการบูรณาการปล่อยแถวของทั้งตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดและออกกวาดล้าง โดยให้นโยบายทั้งในเรื่องของยาเสพติด และอาวุธสงคราม โดยเน้นในเรื่องของการป้องกันในช่วงหาเสียงของการเลือกตั้งท้องถิ่น เข้มงวดที่จะให้ทางตำรวจออกไปสืบสวนหาข่าว นอกจากนั้น ช่วงนี้ก็ยังมีมาตรการการตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัด รวมถึงการหาข่าวในเรื่องของทั้งยาเสพติดทั้งอาวุธสงคราม ถ้าใครครอบครองโดยผิดกฎหมายก็จะลงโทษเต็มที่ ทั้งนี้ ในพื้นที่ได้มอบหมายให้ทางอำเภอและตำรวจบูรณาการทำงานเชิงรุกในการหาข่าว หากมีการเคลื่อนไหวอะไรก็มีการจับตาดู และในเรื่องของการเคลื่อนย้าย การค้า การเสพ ก็จะมีฐานข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงเน้นย้ำเป็นพิเศษ เรื่องของมาตรการเชิงรุก
