ตรัง – สาวพยาบาลร้องเดือดร้อนหนักจากเพื่อนบ้านซ่อมรถเสียงดัง ทำรบกวนตนเอง และพ่อวัยชราซึ่งมีโรคประจำตัวเดือดร้อนหนักไม่ได้พักผ่อน ร้องเรียนหน่วยงานราชการหลายแห่ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข แถมถูกเพื่อนบ้านข่มขู่ “ ร้องเรียนมากศพจะไม่สวย” ด้านเจ้าหน้าที่ไล่ให้ไปแจ้งความ แต่สุดท้ายก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้
วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่บ้านเลขที่ 317 ถนนตรัง-ปะเหลียน เขตเทศบาลตำบลควนโพธิ์ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวสุภาวดี ศรีนิ่ม อายุ 50 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลย่านตาขาว ร้องเรียนผู้สื่อข่าว หลังตนเอง และพ่อวัยชรา อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมายาวนานประมาณ 8 ปี แล้ว ที่ถูกเพื่อนบ้านทำเสียงดังจากการซ่อมรถบรรทุก และการตีเชื่อมเหล็ก และเคยมีการหอบหลักฐานทั้งภาพถ่าย ภาพจากกล้องวงจรปิดการทำงานของเพื่อนบ้าน รวมทั้งเสียงดังรบกวนที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ เข้าร้องเรียนปัญหาครั้งแรกเมื่อปี 2559 หลังปัญหาผ่านมาได้ประมาณ 4-5 ปี และมีการร้องเรียนเรื่อยมาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ทั้งนายอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง เทศบาลตำบลควนโพธิ์เจ้าของพื้นที่ และเคยขึ้นสภ.ย่านตาขาว เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน แต่จนถึงขณะนี้ปัญหาดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า บ้านของผู้เดือดร้อนเป็นลักษณะบ้านห้องแถวติดกันนับ 10 หลัง โดยบ้านของผู้เดือดร้อนเป็นบ้านหลังแรกจากที่มีถนนกว้างประมาณ 9 เมตร กั้นกลางระหว่างตัวบ้าน โดยมีการนำรถบรรทุกมาซ่อมชิดที่บริเวณกำแพงด้านหลังระหว่างบ้าน โดยการใช้ของแข็ง ทั้งค้อน และเหล็ก ทุบเหล็กตัวรถบรรทุก ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังมากเหมือนตอกเสาเข็ม ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 -18.00 น.เกือบทุกวัน ทำให้ตนเอง และพ่อ ซึ่งอยู่วัยชรา อายุ 80 ปี และมีโรคประจำตัว ไม่สามารถจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ไม่ได้พักผ่อน โดยเฉพาะพ่อซึ่งต้องพักอาศัยอยู่กับบ้านตลอดเวลา เพราะมีโรคประจำตัว ระหว่างรอลูกไปทำงานในแต่ละวัน ต้องเดือดร้อนอย่างหนัก นอนไม่หลับ ไม่ได้พักผ่อนจากเสียงที่ดังรบกวนดังกล่าว ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุทางผู้ร้องเคยเข้าไปพูดคุย เพื่อขอร้องเป็นระยะๆ ในเรื่องของช่วงเวลาการทำงานและเสียงที่ดัง ซึ่งจะดีขึ้นสักระยะ แต่ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ต่อมามีการรับงานเหล็กเข้ามาทำเพิ่ม เช่น ช่อมบานประตู ทำโครงเหล็ก ซ่อมฝาท้ายรถบรรทุก ขณะเชื่อมเหล็กก็เสียงจะดังมาก และบางครั้งก็ทำพร้อมกัน ทั้งงานซ่อมฝาท้ายรถบรรทุกและเชื่อมเหล็ก โดยเฉพาะการซ่อมฝาท้ายรถบรรทุกเสียงจะดังมาก เนื่องจากใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบ จนตนเองต้องปิดประตู หน้าต่างทุกบาน แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายต้องเปลี่ยนกระจกบ้านใหม่ให้หนามากขึ้น และซีลกระจกทุกบาน เพื่อต้องการไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้ามาในบ้าน รวมทั้งมีการทำประตูกระจกและหนาหลายชั้น ซ้อนทับประตูไม้หลังบ้านด้วย แต่เสียงก็ยังดังมากรบกวนดังกล่าว ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็พบว่าเสียงดังจากการซ่อมรถบรรทุกและงานเชื่อมเหล็กจะดังเข้ามาในบ้านเสียงดังอย่างมาก เป็นระยะๆตลอดเวลา
นางสาวสุภาวดี กล่าวว่า ตนเองทำกระจกหน้าต่างและเสริมประตูใหม่ก็ยังปิดเสียงไม่ได้ เมื่อตนเองไปทำงาน ต้องทิ้งพ่อให้พักผ่อนกับบ้านตามลำพัง เพราะพ่อชรา และมีโรคประจำตัวต้องรักษา พ่อก็จะนอนพักผ่อนไม่ได้ เมื่อตนเองกลับจากทำงานในช่วงเย็น มาถึงพบว่ายังมีการทำงาน ตนเองก็ต้องพาพ่อออกไปนอกบ้าน เพื่อฆ่าเวลาให้เขาทำงานเสร็จ ไม่มีเสียงแล้ว ค่ำๆ ก็จะพาพ่อกลับเข้าบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมาก เพราะตนเองและพ่อไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเพื่อนบ้านคนอื่นๆที่อยู่ติดกันก็เดือดร้อนเช่นกัน แต่ไม่มีใครออกมาร้องเรียนเรื่องนี้ มีแต่ตนเองเพราะบ้านของตนเองอยู่ใกล้ที่สุด ได้รับความเดือดร้อนที่สุด ทั้งนี้ ตนเองเข้าร้องเรียนกับนายอำเภอ รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม เทศบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในการไปร้องเรียนแต่ละครั้งก็ต้องลางานไป โดยเจ้าหน้าที่ก็ลงมาตรวจสอบแล้วหลายครั้ง มีการทำบันทึกข้อตกลงกัน มีการหยุดทำไปสักพักประมาณ 1 ปี แต่สุดท้ายก็ยังกลับมาทำ และปัญหาก็ยังเหมือนเดิม ทั้งนี้ พ่อของตนต้องพักผ่อนในตอนกลางวัน แต่จะนอนไม่ได้ ต้องสะดุ้งตื่น จะกิน นั่ง นอนในบ้านไม่ใด้ทำให้เครียด บางครั้งเอาสีสเปรย์มาพ่นประตูเหล็ก ตนเองทำกับข้าวก็ต้องปิดประตูเข้าบ้าน ช่วงนี้เข้าไป ขอร้องบ่อย เนื่องจากการเชื่อมเหล็ก ทุบเหล็กหรือฝาท้ายรถทำบนถนนระหว่างตัวบ้าน เข้าไปพูดคุยขอร้องเรื่องการทุบเหล็กและฝาท้ายรถบรรทุกอีก ก็บอกว่าจะขยับขยายถอยไปทำให้ห่างมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม และยังเข้าใกล้บ้านผู้ร้องมากขึ้น ตนเองซื้อบ้านหวังได้พักอาศัยเป็นปกติสุข แต่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างที่ควรจะเป็น และพ่อก็ชรา หวังจะได้พักผ่อนอยู่อย่างสงบในบั้นปลายของชีวิต ก็กลับต้องมาทุกทรมาน มิหนำซ้ำ เมื่อร้องเรียนมากก็ถูกเพื่อนบ้านคนดังกล่าว ข่มขู่อีกด้วยว่า “ ร้องเรียนมากระวังศพจะจบไม่สวย” ยิ่งทำให้พ่อของตนเครียดมากขึ้น กลัวลูกไม่ปลอดภัย เพราะอาศัยกันอยู่แค่ 2 คน พ่อลูก ขณะที่เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานก็บอกไล่ให้ไปแจ้งความ ซึ่งตนเองก็ไปแจ้งความ แต่ทางตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อีก แล้วอย่างนี้ประชาชนจะพึ่งใคร เพราะหน่วยงานรัฐก็พึ่งพา จัดการปัญหาไม่ได้ วอนขอให้หน่วยงานราชการ แก้ปัญหาให้ตนและพ่อที่ชราได้ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านที่ซื้อมาอย่างสงบสุขเหมือนกับคนอื่นๆด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- ชื่นชม! หญิงพบสร้อยทองคืนเจ้าของ อำเภอเตรียมประกาศเป็นบุคคลตัวอย่าง
- ตรัง เปิดความสวยงาม "เขาแบนะ-อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม" เส้นทางศึกษาธรรมชาติเลียบภูเขาชมทะเลงาม
- นบ.ยส.24 บูรณาการร่วมกับกลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด สสจ.นครพนม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือตรวจพื้นที่อาคารหลังศูนย์ฟื้นฟู…
- ทหารพราน สุดเจ๋งรวบสมชาย ขนยาบ้าแสนกว่าเม็ดพ่วงยาไอซ์ 300 กรัม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: