ตรัง คืบน้องชายใช้ขวานจามศีรษะพี่สะใภ้ดับ พี่ชายลั่นดำเนินคดีถึงที่สุดไม่อยากให้ออกมาหวั่นจะไปฆ่าคนอื่นอีก
วันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่ สภ.รัษฎา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายนพดล รามเดช อายุ 52 ปี ผู้ต้องหา มือจามพี่สะใภ้ ในชั้นพนักงานสอบสวน ทางนายนพดล ยังให้การปฏิเสธและจะให้การในชั้นศาล และไม่ยอมให้พิมพ์ลายนิ้วมือและเซ็นเอกสารใดๆทั้งสิ้น และยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เพราะนายนพดล ยังคงมีอาการมึนเมาไม่ได้สติ พูดจาเพ้อเจ้อ วกไปวนมาคนเดียวตลอดเวลา ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็มีหลักฐานและประจักษ์พยานเพียงพอที่ดำเนินคดี จากนั้นศาลจังหวัดตรังได้อ่านคำฟ้องทางออนไลน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว และร้องขอให้ทำการฝากขัง และเตรียมนำตัวไปฝากขังเพื่อรอการพิจารณาคดีต่อไป โดยไม่ให้ประกันตัว
และที่วัดคลองเขาจันทร์ (ลำช้าง) ถนนสายเขาไพร-หนองปรือ หมู่ที่ 3 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาฌาปณกิจศพ นางบิน รามเดช อายุ 66 ผู้ตายจากเหตุการณ์น้องสามีใช้ขวานจามศีรษะบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยมีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาเตรียมจัดงานศพตั้งแต่วันนี้ 1-2 พ.ค. 64 และเผาศพในวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564นี้
ด้าน นายประสิทธิ์ รามเดช อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 บ้านลำช้าง ม.1 ต.เขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง เป็นสามีของผู้ตายและพี่ชายคนก่อเหตุ บอกว่า ตนเองได้จัดเตรียมจัดงานศพในวันนี้ และเผาวันจันทร์ที่ 3 พ.ค.นี้ เพราะเก็บไว้หลายวันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงโควิดไม่ค่อยมีใครกล้ามาร่วมงานกันจึงรีบจัดให้เรียบร้อย
ส่วนคนที่ก่อเหตุนายนพดล น้องชายเพิ่มเข้ามาในพื้นที่ ก่อนหน้าที่ก็ไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมา เขาเพิ่งมาประมาณ 3 วันรวมทั้งวันที่ก่อเหตุ น้องๆพี่ๆก็ไม่มีใครทราบ ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ ๆ ก็เข้ามา และตั้งแต่เข้ามาในพื้นที่ก็มีอาการฟั่นเฟือนอยู่แบบมานี้ตลอด มีอาการพูดคนเดียว ชอบเดินไปเดินมาทั่วไปหมด เราเองก็ระวังตัวกันอยู่แล้ว จนมาเกิดเหตุจนได้ คนตายก็เมีย คนก่อเหตุก็เป็นน้อง ส่วนเรื่องคดีก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามหน้าที่ให้ถึงที่สุด ต้องติดคุกนาน ๆ จนกว่าอาการจะหาย หากยังไม่หายก็ไม่ต้องปล่อยตัว เราหากยังปล่อยตัวออกมาอีกคงจะมีคนตายอีก อาจจะเป็นพี่น้อง หรือชาวบ้าน หรือเด็ก คิดว่าจะต้องทำอีก สำหรับตนเองไม่ต้องการให้ออกมาจากคุก นายนภดลน้องชายหายออกไปจากบ้านประมาณ 30 ปี ไปอยู่ไหนก็ไม่ทราบ และถ้าหากครั้งนี้นายนพดลออกจากคุกอีกก็จะไม่ให้มาอยู่ในหมู่บ้านแล้วกลัวจะมาทำพี่น้องอีก เพราะออกจากคุกมาและหากมาเสพอีกก็กลับมาเหมือนเดิมอีก มาฆ่าคนอีกก็จะเหมือนเดิม เพราะเหตุการณ์วันนั้นไล่ฟันเด็กก่อนแต่เด็กก็วิ่งหนีก่อน นางบิน พี่สะใภ้น่าจะเข้าไปห้าม แต่เมื่อเข้าไปห้ามแล้วก็คิดว่าเป็นน้องพูดจากันรู้เรื่อง ก็โดนนายนพดลทุบกับขวานก่อนแล้วก็ทรุดตัวนั่งลง จากนั้นนายนพดลก็ใช้ขวานจามซ้ำเข้าไปที่บริเวณศีรษะแล้วล้มนอนลงกลางถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีสติ จากนั้นก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยยอดและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตรังแพทย์พยายามช่วยกันยื้อชีวิตประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากนี้ตนก็ให้ทางตำรวจทำตามหน้าที่ไปเพราะคนหนึ่งก็น้องคนหนึ่งก็เมีย เสร็จจากงานศพตนเองก็จะเข้าไปพบตำรวจเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและไม่อยากให้น้องชายคนก่อเหตุออกมาจากคุก เพราะหากได้ออกมาอาจจะไปก่อเหตุซ้ำกับคนอื่นอีก และไม่มีญาติคนไหนจะไปยื่นประกันตัว และเพิ่งออกมาจากคุกประมาณเดือน ๆ กว่า ๆ ในคดีฆ่า แล้วกลับมาที่บ้านและไม่ทราบว่าไปเสพยาที่ไหนมาจนเพี้ยนและก่อเหตุซ้าอีกครั้ง
