ตรัง โผล่อีกหลายราย สมาชิกสหกรณ์การเกษตรปะเหลียนเดือดร้อนหนัก ถอนเงินฝากสหกรณ์ “โครงการเงินฝากประจำกอบกู้วิกฤตไวรัส COVID-19 และ โครงการออมทรัพย์ ดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี” ไม่ได้ หอบหลักฐานร้องสื่อ พร้อมเข้าแจ้งความ ยื่นหนังสือร้องทุกข์สหกรณ์จังหวัดตรัง ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นพบปัญหาเดียวกันและยังไม่ได้เงินคืน
วันที่ 9 มิถุนายน 2564 สืบเนื่องจากกรณีทางสมาชิกได้ฝากเงินกับสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด ได้มีโครงการเงินฝากประจำกอบกู้วิกฤตไวรัส COVID-19 และ โครงการรออมทรัพย์ ดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี (1 สิงหาคม 2559-30 มิถุนายน 2564) โดยครบกำหนดฝาก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ทางสมาชิกต่างเข้าไปติดต่อที่สหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด เพื่อแจ้งความประสงค์จะไปถอนเงิน แต่เมื่อไปถึงที่สหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด และทางเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งว่า ทางสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด ได้ขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินให้ถอนแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน ขาดสภาพคล่อง และไม่มีเงินให้ ทำให้สมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีนายสุเทพ ขันธรักษวงศ์ พร้อมด้วย นางอรัญณี ขันธรักษวงศ์ ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน ได้ไปแจ้งความในวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่ สภ.ปะเหลียน และเข้าร้องเรียนกับสหกรณ์จังหวัดตรังและได้มีการทำหนังสือสัญญาในการชำระคืนแล้ว แต่ยังมีสมาชิกโผล่อีกหลายรายที่ยังไม่สามารถถอนเงินได้ตามจำนวนที่ต้องการ อย่างเช่น นางขวัญใจ ฤทธิ์หมุน ก็อีกรายที่เป็นสมาชิกไม่สามารถถอนเงินได้เช่นกัน และได้เข้าแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ปะเหลียน จากนั้นได้เดินทางมา ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดตรัง ถ.พัทลุง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด เพื่อให้ทางสหกรณ์จังหวัดตรัง เข้าตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมช่วยดำเนินการให้ได้รับเงินฝากทั้งหมดคืนมาตามสิทธิ
นางขวัญใจ ฤทธิ์หมุน เล่าว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นตั้งแต่มีบัญชีเงินฝากของแม่ จำนวนกว่า 2 ล้าน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 และได้มาถอนเงินเมื่อเดือนมกราคม 64 จำนวน 1 แสนบาท ซึ่งการถอนเงินในครั้งนั้นไม่ได้เงินตามคำขอถอนเงิน และมีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งแจ้งว่า ทางสหกรณ์ขาดสภาพคล่อง ทางด้านการเงิน ซึ่งตนรู้สึกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และ รู้สึกไม่มั่นใจ ตนจึงขอปิดบัญชี แต่ไม่สามารถปิดบัญชีได้ โดยสหกรณ์เสนอทยอยจ่ายเงินคืนกลับให้ครั้งละ 5,000 บาท, 10,000 บาท ซึ่งตอนนั้นตนได้ตกลงตามข้อเสนอ และตนได้มาที่สหกรณ์ทุกวัน ว่าจะมีเงินคนมาให้หรือไม่ ซึ่งได้ทำอย่างนี้ติดต่อมาตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม ซึ่งรวมๆแล้วได้เงินคืนมา ประมาณ 300,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นทุกครั้งที่ตนมา ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับการบริการที่ดี มีการผลักไปให้คนนู้น คนนี่ และไม่มีเจ้าหน้าที่คุยด้วย ไม่มีการอธิบายใดๆ จากเจ้าหน้าที่ ทำให้ตนรู้สึกอัดอั้นใจ จนตนต้องติดต่อขอคุยกับผู้จัดการสหกรณ์ มีทั้งคุยแบบเป็นทางการ การคุยแต่ละครั้งไม่ได้คุยกันเพียงแค่ตนกับผู้จัดการ แต่ยังมีคนอื่นที่มารอถอนเงินจำนวน 10 กว่าคน ขอคุยกับผู้จัดการด้วย ซึ่งตนได้ขอบันทึกเสียงทุกครั้งที่มีการพูดคุยตกลงกัน โดยหลังจากนั้นทางสหกรณ์ ได้ทำหนังสือเป็นลักษณะประกาศของสหกรณ์ เรื่องการจ่ายเงินคืนให้ ในรายละเอียดระบุ วัน และ จำนวน ที่จ่ายเงินคืน โดยจะจ่าย 4 เดือน ต่อ 1 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 64 มีหนังสือแจ้งนัดจ่ายเงินให้ตน ซึ่งตนก็มาตามนัด เมื่อไปถึงสหกรณ์กลับไม่มีใครพูดอะไรกับตน จึงได้นั่งคอยสักพัก จึงรู้สึกว่ามันผิดปกติ เพราะมีหลายคนมานั่งรอเหมือนกัน จึงได้สอบถามประชาชนคนอื่นที่มานั่งรอ และตนทราบว่าผู้จัดการได้ลาออก หรือ ถูกพักงาน ไปแล้ว
หลังจากนั้นตนพยายามขอคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องท่านอื่น ทางสหกรณ์จึงให้ไปคุยกับรองประธาน 2 คน ทั้ง 2 คน บอกว่าไม่ทราบเรื่องนี้ ไม่ทราบเรื่องตกลงจ่ายเงินเป็นงวดๆ ซึ่งตนได้ถามว่าไม่ทราบได้อย่างไร ในเมื่อหนังสือมีการลงนามของท่านรองประธานด้วย ซึ่งเขาตอบแบบปัดความรับผิดชอบ และ ยื้อเวลา เหมือนเดิม เช่น ขอขยายเวลาไปอีก 15-20 วัน แล้วค่อยมาใหม่ ซึ่งตนเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ มาตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงวันนี้ ตนจึงไม่มีความเชื่อมั่นอีกต่อไป อีกทั้งที่ผ่านมาตนได้ปรึกษากับหลายๆคน แต่ตนยังรู้สึกไม่มั่นใจ จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อฯ ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ เพราะมีอีกหลายคนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับตน แต่ไม่กล้าออกมาเรียกร้อง
หลังจากนี้ตนจะเดินหน้าไปร้องทุกข์ที่สหกรณ์จังหวัดตรัง และตนได้ไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลับได้รับคำตอบว่า “มีคนไปร้องเรียนเยอะแล้ว ไม่ต้องมาร้องหรอก” ซึ่งหลังจากการไปร้องทุกข์ เขาก็โยนกลับมายังสหกรณ์ให้ไปไกล่เกลี่ยกันเอง โดยตนยืนยันจะไม่ไกล่เกลี่ยใดๆ แล้ว ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือให้ตนและแม่ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ได้เงินคืน เท่าที่ทราบมีลูกค้าที่มีเงินฝากหลักหมื่น และ ล้าน หลายคน เจอเรื่องราวลักษณะเดียวกัน โดยส่วนตัวตอนนี้มีเงินคงเหลืออยู่ประมาณ 1.8 ล้าน ซึ่งยังไม่ได้รับคืนจากสหกรณ์ และยังไม่มีคำตอบว่าจะได้เมื่อไหร่ ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับกรม ระดับจังหวัด ดำเนินการให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง เพราะเงินจำนวนนั้นเป็นเงินออม ซึ่งใช้เวลาเก็บออมมานับสิบปี
ในขณะที่ทางด้านนายณัฐชนัน หูเขียว อายุ 31 ปี ได้มาทำแทนนางอุไร ใจตรง อายุ 72 ปี 74 ม.2 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นย่า เงินก็ยังไม่ได้เช่นกันโดยยังมีเงินในบัญชี จำนวน 300,000 บาท และของน้าสาว คือนางรัตนา ชายภักตร์ อายุ 60 ปี มีเงินในบัญชีจำนวน 94,000 บาท ก็ยังไม่สามารถขอปิดบัญชีได้ และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เงินคืนอีกหลายคน เช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: