X

“หนี้สินรุมเร้า” หนุ่มรปภ.ประกาศขายไตนำเงินใช้หนี้

ตรัง – หนุ่มยกมือไหว้ทั้งน้ำตาประกาศขายไต วอนผู้ใจบุญช่วยซื้อนำเงินใช้หนี้ธนาคารและหนี้สินรอบตัวรวมประมาณ 5 แสนบาท กลัวถูกยึดที่ดิน หลังภรรยาประสบอุบัติเหตุต้นไม้ริมถนนทางหลวงชนบทหักโค่นตีศีรษะแตกและกระดูกสันหลังหัก ทำงานไม่ได้นานประมาณ 4 ปี สามีต้องทำงานคนเดียว ต้องกู้หนี้ยืมสินหมุนใช้หนี้ และเป็นค่ารักษาพยาบาล และส่งลูกสาว  2 คน เรียนหนังสือ โดยลูกสาวคนโตเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมาหมาดๆ  แต่ยังออกหางานทำไม่ได้ติดสถานการณ์โควิด

ที่บ้านเช่าเลขที่  23 หมู่ 10 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง  นายวิรัฐ นุ่นใหม่ อายุ 47 ปี พร้อมด้วยนางแก้วทิพย์ คำรณ อายุ 44  สองสามีภรรยา ซึ่งมีลูกสาวจำนวน 2 คน คนโตเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.19 ส่วนลูกสาวคนเล็ก กำลังขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียนเก่งได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่าเช่นเดียวกัน  โดยสองสามีภรรยา เล่าว่า ครอบครัวของตนกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก จนหาทางออกไม่ได้ โดยสามีเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย เพราะมาถึงทางตันกับชีวิต หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากครอบครัวมีปัญหาหนี้สินรวมทั้งหมดประมาณ 5 แสนบาท แบ่งเป็นหนี้สินที่กู้ยืมเงินมาจากธนาคาร  2 แห่ง คือ ธนาคารออมสินประมาณ 2 แสนบาท และธนาคาร ธกส.โดยการนำหลักทรัพย์โฉนดที่ดินไปค้ำประกันเพื่อกู้เงิน ประมาณ 2.3 แสนบาท รวมทั้งหนี้สินที่ยืมมาจากเพื่อนบ้าน และเงินกู้นอกระบบ  เดิมมีหนี้สินเพียงประมาณ 2 แสนบาทเท่านั้น ซึ่งทางครอบครัวก็สามารถทำงานหาเงินไปผ่อนชำระได้ไม่มีปัญหาใด จนกระทั่งประมาณ 2547 จู่ๆ ภรรยามาประสบอุบัติเหตุต้นไม้ริมถนนของแขวงทางหลวงตรัง เส้นทางระหว่างเมืองตรัง จะกลับบ้านที่ ต.น้ำผุด หักโค่นลงมาทับศีรษะภรรยา จนทำให้ศีรษะแตกเย็บ 8 เข็ม แต่แรงกระแทกทำให้ระบบเส้นประสาทที่ศีรษะกระทบกระเทือนอย่างแรก กระดูกสันหลังหัก สลบไม่ได้สติ  จนมาฟื้นที่รพ. หลังจากนั้นก็พักรักษาตัว และกลับมารักษาต่อที่บ้านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มานาน 3 เดือน ต่อมาเดินได้ แต่ไม่สามารถทำงานได้ และต้องไปหาหมอมีค่าใช้จ่ายทุกครั้ง จนตอนนี้ไม่มีเงินจะไปหาหมอแล้ว

โดยหลังเกิดเหตุพวกตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ก็ไม่ได้แจ้งความเอาผิดกับหน่วยงานเจ้าของต้นไม้ริมทาง ต่อมามีคนแนะนำให้ยื่นหนังสือต่อแขวงทางหลวงตรัง เจ้าของต้นไม้ริมทาง โดยแขวงทาง หลวงตรังขอร้องไม่ให้พวกตนไปแจ้งความเอาผิด  แต่ให้เงินช่วยเหลือมาจำนวน 10,000 บาท  หลังจากนั้นก็ทำงานไม่ได้มานานร่วม 4 ปี โดยสามีเป็นคนทำหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง ทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่ารักษาพยาบาลภรรยา ค่าเล่าเรียนลูก โดยเฉพาะประมาณปี 2560 ลูกสาวคนโตต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต้องใช้เงินจำนวนมาก ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสินมากขึ้น และไม่สามารถผ่อนชำระได้ ทำให้ธนาคารออมสินฟ้องร้อง และไกล่เกลี่ยกัน ต้องผ่อนธนาคารเดือนละ 2,000 บาท แต่หนี้สินรอบตัวจำนวนมาก รวมทั้งหนี้สินซื้อรถกระบะมือ 2 มาใช้บรรทุกปาล์มน้ำมัน ก็ติดค้างไม่สามารถผ่อนได้  มาถึงเวลานี้หนี้สินทุกอย่างกำลังรุมเร้าครอบครัวอย่างหนัก

โดยขณะนี้สามีทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่บริษัทแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนๆ ละ 10,500 บาท โดยระยะหลังภรรยาพยายามออกไปกรีดยางเพื่อหาเงินช่วยครอบครัว  แต่กรีดยางไม่ได้ เพราะอาการจะกำเริบ เพราะอาการทางระบบสมองยังมีอยู่ ทั้งปวดหัว ขาอ่อนแรง สายตะเกียงส่องสว่างยามกรีดยางรัดศีรษะก็จะปวดศีรษะ อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว พื้นผิวดินเหมือนอยู่บนเรือ เสียงดังรบกวนมากก็จะปวดหัว ไม่สามารถอยู่ในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านได้  เช่น ตลาดนัด งานศพ งานวัด ก็ไปไม่ได้

ทำให้ขณะนี้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนักจากหนี้สินที่รุมเร้า  โดยเฉพาะห่วงว่าจะถูกยึดที่ดิน เพราะหากที่ดินถูกยึดพ่อแม่ก็จะไม่มีที่อยู่ รถยนต์กระบะคันดังกล่าวซึ่งยังผ่อนไม่หมด แต่ได้นำไปจำนำไว้ จึงไม่สามารถนำรถมาคืนบริษัทได้ เกรงจะถูกจับดำเนินคดี   จากปัญหาเรื่องหนี้สินดังกล่าวที่รุมเร้า ไม่สามารถหาทางออกได้แล้ว โดยนายวิรัฐ ระบุเคยคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่หากทำไป ก็จะทำให้ภรรยา และลูกอีก 2 คน เดือดร้อน ซึ่งไม่ใช่ทางออกเพราะหนี้สินยังคงมีอยู่ และลูกๆ ก็จะเดือดร้อน เรียนหนังสือไม่จบ มาถึงเวลานี้วอนทั้งน้ำตา ผ่านสื่อมวลชนไปถึงผู้ใจบุญ ที่ต้องการซื้อไต ตนได้ตัดสินใจขายไตของตนเองจำนวน 1 ข้าง จะเอาไปบริจาคต่อชีวิตให้ใครก็ได้ เพื่อให้ตนได้มีเงินมาใช้หนี้ และให้ลูกได้เรียนหนังสือจนจบ เพราะขณะนี้ลูกสาวคนโตเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรีและอยู่ระหว่างเตรียมหางานทำ เพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ติดสถานการณ์โควิด งานจึงหายาก ส่วนลูกสาวคนเล็ก ก็เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือมาก จึงอยากให้ลูกได้เรียนหนังสือ วอนขอผู้ใจบุญช่วยซื้อไตตนเอง เพื่อช่วยเหลือตนเองและครอบครัวด้วย  แม้ว่าหากขายไตไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เงินจำนวนเท่าไร และก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติหรือไม่ แต่ก็อยากจะขาย เพื่อนำเงินมาปลดหนี้ และไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือต่อไป  ทั้งนี้  สำหรับผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือซื้อไตตนเอง สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์  096 – 9962736

เช่นเดียวกับภรรยา พูดทั้งน้ำตาว่า ตนเองไม่รู้ว่าหากสามีขายไตไปแล้วจะมีชีวิตได้ตามปกติ ทำงานได้ตามปกติหรือไม่ แต่ก็ต้องตัดสินใจ และได้ปรึกษาคิดกันมาสักระยะแล้ว และเห็นว่าเป็นวิธีเดียวที่จะหาทางออกเรื่องหนี้สินให้กับครอบครัวได้ จึงไม่ขัดใจสามีเพราะอยากให้หนี้สินหมดไปและลูกได้เรียนหนังสือ  วอนขอผู้ใจบุญช่วยเหลือ เพราะการขายไต มองว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ได้รบกวนคนอื่น  เพราะหนี้สินเป็นเรื่องที่พวกตนร่วมกันสร้างมา ก็อยากจะแก้ไขด้วยตัวเอง  แต่หาทางออกอื่นๆ ไม่ได้แล้วจริงๆ

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน