ตรัง – หนุ่มประกาศขายไต ระบุมีคนติดต่อมาแล้วจะขอซื้อไต แต่ติดปัญหาเลือดคนละกรุ๊ปผู้ที่ประสานขอซื้อเลือดกรุ๊ปเอ ส่วนตนเองเลือดกรุ๊ปโอ ยังยืนยันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหนี้สินที่มีอยู่หาทางออกไม่ได้ วอนขอผู้ใจบุญรับซื้อไตของตนไป ไม่ได้สนใจว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่มีอะไรจะเดือดร้อนมากกว่าการหาทางออกไม่ได้กับชีวิตที่เกิดขึ้น และยอมหากเหลือไตเพียง 1 ข้าง จะกระทบกับการใช้ชีวิต แต่ในชีวิตนี้ขอได้ปลดหนี้สินที่มีอยู่ และลูกคนเล็กได้เรียนหนังสือ เชื่อว่าชีวิตที่เหลือก็ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องใดอีก ทั้งนี้ สภาพความเป็นอยู่หลังลูกสาวคนโตเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแสนลำบาก เพราะตนเองหาเงินลำพัง ฝ่ายภรรยาทำงานหนักไม่ได้ เพราะผลกระทบจากอุบัติเหตุกิ่งไม้ของแขวงทางหลวงหักโค่นใส่ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ก็ไม่เคยมีใช้ เพราะความลำบาก วอนผู้ใจบุญรับซื้อไตนำไปบริจาคหรืออะไรก็ได้ เพื่อตนและครอบครัวได้มีเงินใช้หนี้ ทางด้านตัวแทนแขวงทางหลวงตรัง เดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น สาเหตุของปัญหาเนื่องจากฝ่ายภรรยาประสบอุบัติเหตุ ทำให้ทำงานช่วยเหลือครอบครัวไม่ได้ เพื่อหาทางเยียวยาต่อไป และอบต.น้ำผุด ส่งตัวแทนเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมถุงยังชีพ
วันที่ 29 มิ.ย.64 ที่บ้านเช่าเลขที่ 23 หมู่ 10 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง นายวิรัฐ นุ่นใหม่ อายุ 47 ปี พร้อมด้วยนางแก้วทิพย์ คำรณ อายุ 44 สองสามีภรรยา ซึ่งก่อนหน้านี้สามีได้ประกาศขายไตจำนวน 1 ข้าง เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และ นำเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกสาวคนเล็กซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.1 หลังภรรยาประสบอุบัติเหตุกิ่งไม้ของแขวงทางหลวงตรังหักโค่นลงมาร่างขณะขับขี่รถจยย.อยู่บนถนน ทำต้องหยุดทำงานนานประมาณ 4 ปี ขณะที่ขณะนั้นแขวงทางหลวงตรังเจ้าของต้นไม้จ่ายเงินชดเชยให้จำนวน 10,000 บาทเท่านั้น จนสามีต้องทำงานเพียงลำพัง รักษาภรรยา และส่งลูกสาว 2 คนเรียนหนังสือ โดยขณะนั้นคนโตกำลังเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ทำให้หนี้สินพอกพูนรุงรัง จนขณะนี้รวมประมาณ 5 แสนบาท จนเคยคิดสั้นอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ห่วงหนี้ยังคงมีอยู่ตกอยู่กับภรรยาและลูก โฉนดที่ดินจะถูกยึด พ่อ แม่จะไม่มีที่อยู่ จึงหาทางออกด้วยการออกมาประกาศขายไตก่อนหน้านี้
โดยล่าสุดนายวิรัฐ นุ่นใหม่ ได้เปิดเผยว่า มีผู้โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องไตของตน ว่าต้องการขายตามที่มีข่าวออกไปหรือไม่ ตนได้ยืนยันต้องการขายไตจริง แต่เมื่อคุยกันในรายละเอียดกลับพบว่าไตของตนและผู้ติดต่อ มีเลือดคนละกรุ๊ปกัน โดยผู้ติดต่อเลือดกรุ๊ปเอ ส่วนตนเลือดกรุ๊ปโอ จึงไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายไตให้แก่กันได้ แต่อย่างไรก็ตามตนยังขอยืนยันคำเดิมว่าต้องการขายไต เพราะต้องการนำเงินมาใช้หนี้ ซึ่งมีทั้งหนี้ในระบบ หนี้นอกระบบ และหนี้ที่หยิบยืมจากเพื่อนฝูง โดยส่วนหนึ่งเก็บเป็นทุนการศึกษาให้ลูกคนเล็ก
นายวิรัฐฯ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกว่า ตอนนี้แม่ของตนได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และแม่ก็รู้สึกเสียใจ เป็นกังวล หากตนต้องเสียไตไปหนึ่งข้างจริงๆ เกรงว่าตนจะไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งแม่ได้สอบถามว่าตนคิดดีหรือยัง โดยตนยังคงยืนยันว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะรู้สึกจนหนทางแล้วจริงๆ จึงอยากขอให้ผู้ใจบุญรับซื้อไตนำไปบริจาคหรืออะไรก็ได้ เพื่อตนและครอบครัวได้มีเงินใช้หนี้ ซึ่งตนเองเคยรู้ว่าคนเหลือไตข้างเดียวจะเกิดปัญหากับร่างกาย ทำงานไม่ได้ และมีคนบอกว่าผิดกฎหมาย แต่ถึงตอนนั้นหากตนเองสามารถล้างหนี้ให้กับครอบครัวแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ตนเองจะยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะเป็นทางออกทางเดียวแล้วเท่านั้นในเวลานี้
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนางแก้วทิพย์ คำรณ ภรรยา กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนได้พยายามช่วยงานสามี เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย และเป็นค่าหมอแต่พอทำงานหนัก อาการจะกำเริบจากการบาดเจ็บและอาการป่วยเรื้อรัง ได้แก่ ปวดหัว ขาอ่อนแรง สายตะเกียงส่องสว่างยามกรีดยางรัดศีรษะก็จะปวดศีรษะ อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว พื้นหมุน จากเหตุการณ์กิ่งต้นยางนาริมถนนหักโค่นใส่เมื่อปี 57 โดยเจ้าของบ้านเช่าได้ให้ความช่วยเหลือให้ตนกรีดยางที่อยู่รอบๆ บ้าน เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ซึ่งทุกคืนตนจะตื่นมากรีดยางตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน กรีดได้ประมาณ 3-4 แถว ก็ต้องกลับมานอนพัก แล้วไปกรีดต่อ ซึ่งต้องพักทุก3-4 แถว จนกรีดครบทั้งสวน ส่วนสามีและลูกจะเป็นคนมาเก็บน้ำยางในตอนเช้าหลังออกเวรงานรปภ. ส่วนงานขายของตามบ้านเรือน และขายของออนไลน์ก็ต้องหยุดไป เพราะสถานการณ์โควิด และตนเองออกไปพบปะผู้คนจำนวนมากไม่ได้ เนื่องจากมีอาการทางสมอง มาถึงเวลานี้ ก็ยังยังยืนยันที่จะให้สามีขายไต เพราะพวกตนคิดว่า ร่างกายของคนเรา ก็เป็นของเรา แต่ที่ต้องการจะขาย เพราะครอบครัวหาทางออกไม่ได้แล้วจริงๆ ส่วนลูกสาวตนโตเรียจบมาได้เดือนเศษ ตอนนี้ยังไม่ได้งานทำ ระหว่างรอสอบ กพ.ก็สมัครทำงานอื่นๆก่อนก็ไม่ได้ เพราะติดสถานการณ์โควิด
จากนั้นทั้ง 2 คน ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูภายในบ้าน ก็ได้พบเห็นความยากลำบากของครอบครัวนี้ ซึ่งแม้ดูจากภายนอกเห็นว่าบ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น จ่ายค่าเช่าเดือนละ 700 บาท แต่จริงๆ แล้วชั้นบนมีสภาพที่ผุ ส่วนบ้านชั้นล่างที่พักอาศัยอยู่เป็นห้องโล่งๆ มีที่นอนวางเรียงกัน ไม่มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน ซึ่งภายในบ้านมีเพียงข้าวของที่จำเป็นเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ เสื้อผ้า ที่นอน หมอน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1 ใบ พัดลมเก่าๆ 1 ตัว เตาแก๊ส และเตาถ่าน เท่านั้น โดยไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างอื่น และ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่น เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ก็ไม่มีใช้
ทางด้านนายจตุพร ทิพย์ทอง หัวหน้าหมวดทางหลวงห้วยยอด ตัวแทนของกรมทางหลวง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถึงสาเหตุของปัญหา เนื่องจากฝ่ายภรรยาประสบอุบัติเหตุ ทำให้ทำงานช่วยเหลือครอบครัวไม่ได้ หลังเห็นในข่าว เพื่อหาทางเยียวยาตามลำดับต่อไป และ นายสมโชค คงแป้น ปลัดอบต.น้ำผุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อบต.น้ำผุด ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมถุงยังชีพให้ครอบครัวนายวิรัฐฯ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องการช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 096 – 9962736 หรือหากผู้ใจบุญที่อยากช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ชื่อ บัญชีออมทรัพย์ นายวิรัฐ นุ่นใหม่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 5197 สาขาห้วยยอด (ตรัง) เลขที่บัญชี 423 – 067508 -5
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: