จากกรณีแม่ทุกข์หนักออกมาร้องเรียนผ่านสื่อแทนลูกสาวที่ถูกหมอสูตินารีเวช รพ.วิภารามแหลมฉบัง ผ่าตัดอาการต่อมบาร์โทลิน แต่ทำผิดพลาดทำให้ช่องทวารหนักกับช่องคลอดทะลุเข้าหากัน ทำให้หลังจากผ่าตัดเวลาถ่ายหนักอุจจาระออกมาทั้ง 2 ช่องทาง (คือ ทางช่องคลอด และช่องทวารหนัก) ทำให้ชีวิตของลูกสาวย่ำแย่ ทุกข์ทรมานจิตใจ อับอาย และทาง รพ.ที่ทำการผ่าตัดจะไม่รับผิดชอบใดๆ นอกจากการผ่าตัดซ่อมแซมให้ และต้องผ่ารพ.ที่กำหนดเท่านั้น หากผ่ารพ.อื่นจะต้องออกค่าผ่าตัดเอง และไม่ขอรับผิดชอบค่าชดเชยเยียวยาใดๆ
น้องพะแพง วัย 26 ปี ( นางสาวภาวิณี ทองระหมาน) ผู้เสียหาย ซึ่งทำงานในตำแหน่งนักกายภาพบำบัด รพ.วิภารามแหลมฉบัง จ.ชลบุรี กล่าวว่า เริ่มต้นเลยตนมีอาการคือ ตรวจพบก้อนแข็ง ด้วยตวามกลัวว่าจะเป็นก้อนเนื้อร้าย จึงไปหาหมอสูตินารีเวช ซึ่งเป็นคุณหมอผู้หญิง เป็นคนละคนกับหมอที่ผ่าตัด หมอผู้หญิงบอกว่าเป็นต่อมบาร์โทลิน แต่ไม่ใหญ่มากไม่จำเป็นต้องผ่าให้รักษาด้วยการรับประทานยา เพราะตนเองไม่ได้มีอาการเจ็บแต่อย่างใดเลย แต่ทานยาไป 2-3 เดือน ก้อนเนื้อแข็งก็ยังไม่ยุบ เลยไปหาคุณหมอผ่าตัด ในวันที่ 10 เม.ย.64 ซึ่งหมอท่านนี้ก็บอกว่าเป็นต่อมบาร์โทลิน หมอให้ขึ้นขาหยั่งแล้วเอาเข็มเข้าไป เพื่อจะดูดออก เป็นการเจาะสดๆ ใช้วิธีพ่นยาชาบริเวณนั้น ซึ่งตนรู้สึกปวดแสบมาก เพราะจุดนั้นเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ตนเจ็บจนทนไม่ไหว หมอเลยนัดผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 11 เม.ย. โดยคุณหมอผ่าตัดแจ้งกับตนว่าถ้าผ่าตัดจะหายจะไม่กลับมาเป็นอีก ตนจึงตัดสินใจผ่า หลังออกจากห้องผ่าตัดก็ยังไม่มีอาการใดๆ แต่ในเวลาเที่ยงคืนตนรู้สึกปวดแผลมาก จึงขอยาจากพยาบาลแก้ปวด รุ่งเช้าก็เข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระ สังเกตว่ามีอุจจาระภายในช่องคลอดด้วย แต่ตนไม่เอะใจอะไร คิดว่าคงกระเด็นไปโดน แล้วตนก็ไม่กล้าสำรวจในช่องคลอดด้วย เพราะตอนนั้นยังเจ็บแผลจากการผ่าตัด จนตนออกจากรพ.กลับมาที่หอพัก และใช้กระจกส่องดูพบว่ามีอุจจาระออกมาจากช่องคลอดตลอด จนต้องใช้ทิชชู่ซับตลอด ทำอย่างนี้อยู่ราว 15 วัน จนไหมหลุด ซึ่งอุจจาระออกมาทางช่องคลอด และผายลมออกทางช่องคลอด ไม่ได้ผายลมออกทางก้นด้วย ตนจึงไปปรึกษาหมออีกท่านหนึ่ง หมอบอกว่าเป็นอาการทะลุของผนังกั้นระหว่างมดลูก และลำไส้ใหญ่ทะลุเข้าหากัน เป็นสาเหตุให้ขับถ่ายออกสองทาง
เบื้องต้น ตนได้คุยกับ ผอ.รพ.วิภารามแหลมฉบัง ซึ่งเขาเสนอทางเลือกให้ตนไปผ่าตัดแก้ไข แต่ให้ผ่าที่โรงพยาบาลวิภารามแหลมฉบัง หรือ รพ.ในเครือ ตนอยากผ่าตัดแก้ไข เพราะไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ตนอยากรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะไม่เคยเกิดปัญหานี้ ตนไม่เคยผ่าตัดอะไรเลย และยังไม่มีลูก ตนผ่าตัดครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยหมอที่ผ่าตัดชี้แจงว่าเขาทำตามทฤษฎีทุกอย่าง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด และให้เหตุว่าแผลน่าจะมีความผิดปกติอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะให้รับผิดชอบคงไม่ได้ ส่วนผอ.รพ.วิภารามแหลมฉบัง ก็แจ้งกับตนว่าเรื่องของค่าชดเชยคงไม่มีให้ ถ้าอยากได้ค่าชดเชยก็ให้ไปติดต่อจากประกันสังคม ส่วนอย่างอื่นจะไม่รับผิดชอบอะไร ซึ่งตนรู้สึกแย่มาก เพราะตนเป็นพนักงานของ รพ. ยังพูดปัดความรับผิดชอบ และบอกให้ตนไปฟ้องร้องค่าชดเชย
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่กลัวกระทบกับงานแม้จะทำงานที่รพ.นี้ เพราะนี่เป็นร่างกายของตน และมันต้องอยู่กับตนไปตลอดชีวิตแล้ว ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง อายคนอื่น ร่างกายที่อุจจาระออกสองทางมันเป็นเรื่องน่าอาย แล้วชีวิตตนก็เปลี่ยนไปหลังจากผ่าตัด ตอนนี้ตนเองอายุแค่ 25 ปี กังวลว่าต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไร รวมถึงการแต่งงานมีครอบครัว และต่อไปตอนอายุมากขึ้น รวมถึงไม่สามารถคลอดลูกได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันนี้แค่อาการท้องผูก ถ่ายออกมาช่องคลอดก็ยังปริ ตอนนี้สภาพจิตใจตนย่ำแย่ ตอนนี้ตนมีแฟนการใช้ชีวิตก็กระทบ รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันก็กระทบเช่นกัน เช่น ทุกวันนี้ตนไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ กลัวว่าจะติดเชื้อมาก
โดยหมอที่โรงพยาบาลชลบุรี ระบุว่าอาการของตนเป็นผลหลังการผ่าตัด พบเป็นอาการ fistula หากทำการผ่าตัดซ่อม หลังจากการผ่าตัดซ่อมตนต้องทานอาหารเหลวที่ไม่มีกากใยเลย ประมาณ 7-14 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถ่ายและผายลม เพราะการผายลมก็ทำให้แผลที่เย็บปริออก และต้องดูแลตัวเองไม่ให้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งในความเป็นจริงคนเราจะดูแลตัวอย่างไรไม่ให้เกิดอาการท้องผูกเลยเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งการใช้ชีวิตหลังจากการผ่าตัดต้องปรับทุกอย่าง ตนอยากได้แพทย์ที่มีความชำนาญด้านนี้มาช่วยรักษาให้ หาสาเหตุการขับถ่ายออกสองทาง และออกมาเยอะทั้งสองทาง การล้างหลังจากการขับถ่ายต้องล้างเข้าไปลึก เพื่อให้ช่องคลอดสะอาด ไม่มีการหมักหมม เพราะอาจติดเชื้อ ตอนนี้ตนใช้ชีวิตลำบากมาก และตนได้ปรึกษากับคุณปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา ซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้มีมาตรา 41 ของประกันสังคม เกี่ยวกับเรื่องให้มีการชดเชย กรณีการรักษาผิดพลาด ซึ่งเขาได้ให้เบอร์โทรของทนายแพทย์ หากตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจะเดินหน้าร้องเรียนต่อไป
ทั้งนี้ คุณหมอที่ผ่าตัดรักษาบอกกับตนว่า กรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้แค่ 1 ใน 1,000,000 เท่านั้น แต่ตนรู้ลึกแปลกใจว่าทำไม คุณหมอไม่สนใจที่จะหาสาเหตุการเกิดความผิดปกติ แต่ตนยืนยันก่อนการผ่าตัดชีวิตตนเองปกติดีทุกอย่าง และอยากได้หมอที่มีความเชี่ยวชาญช่วยผ่าตัดให้ทุกอย่างกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: