ตรัง – ชาวบ้านร้องชลประทานระเบิดหินทำคลองระบายน้ำ ทำก้อนหินระเบิดกระจายกระเด็นไปตกใส่หลังคาบ้านเรือน กำแพงบ้าน ฝาผนังบ้านแตกร้าว วอนผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการเร่งแก้ไข และรับผิดชอบ ที่สำคัญไม่มีการทำประชาคมชาวบ้านในการระเบิดหิน
นายอุดม แก้วบุญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง อำเภอนาโยง เขต 2 นำผู้สื่อข่าวตรวจสอบสภาพบ้านเรือน รวมทั้งอู่ซ่อมรถของตนเอง และบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง ที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดหินในการก่อสร้างคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ โครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง (ระยะที่ 2 ) ของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 16 กองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน ที่ ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ทั้งนี้ พบว่าจุดก่อสร้างหรือเส้นทางของโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำพร้อมอาคารดังกล่าวอยู่บริเวณด้านหลังของบ้านชาวบ้าน ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตร โดยแรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้บริเวณพื้นที่ก่อสร้างประมาณ 30 ครัวเรือน ทำให้ตัวบ้าน รวมทั้ง กระจก ประตู หน้าต่างเกิดแรงสั่นสะเทือนจนสร้างความตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะขณะนี้จุดก่อสร้างซึ่งอยู่หลังบ้านของผู้ร้องนั้น แรงระเบิดทำให้ก้อนหินกระเด็นมาตกใส่หลังคาอู่ซ่อมรถจนกระเบื้องหลังคาแตก ทะลุตกลงมาจนกระเบื้องหลังคาเป็นรูโบ๋ บางก้อนน้ำหนักประมาณ 3 กรัม กระเด็นมาตกลงข้างถังยางมะตอย สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ชาวบ้าน และคนงานในอู่ ขณะที่บ้านเรือนบางหลัง กำแพงบ้านแตกร้าวเป็นแนวยาว และลึก ตัวบ้านก็แตกร้าวในบางจุด สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ จากการสำรวจพื้นที่จุดก่อสร้าง พบว่าอยู่ระหว่างที่คนงานกำลังนำเครื่องจักรกลทั้งรถแบ็คโฮ และเครื่องมือขุดเจาะ กำลังเร่งทำงานขุด และเจาะชั้นหิน และก้อนหินที่มีอยู่ตลอดแนวลำคลอง แสดงให้เห็นว่าบริเวณพื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวเมื่อขุดเจาะลึกลงไปด้านล่างประมาณ 1 เมตรเศษ – 2 เมตร ก็พบเป็นชั้นหิน ทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถขุดคลองด้วยเครื่องจักรกลธรรมดาได้ จึงต้องใช้เครื่องทุ่นแรงคือ “ ระเบิด” ระเบิดหินกลางลำคลองดังกล่าว เพื่อขุดเจาะให้ได้ตามขนาดแบบแปลนก่อสร้าง โดยพบว่าโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบนั้น ความยาวทั้งหมด 8.970 กม. ที่ต้องใช้วิธีระเบิดหินความยาวประมาณ 4 กม. เมื่อขุดเจาะลงไปจากผิวดินพบว่าจะเป็นดินในระยะ 1.7 – 2 เมตรนั้น ส่วนที่เหลือเป็นชั้นหิน จึงต้องใช้ระเบิดทำงาน ในที่นี้ ในการใช้ระเบิด ทางชาวบ้านยืนยันว่าไม่มีการแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบมาก่อน แต่มาได้ยินติดต่อกันมาประมาณ 1 สัปดาห์ และระยะหลังแรงระเบิดทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน หวั่นทำโครงสร้างบ้านเรือนเสียหาย วอนหน่วยงานเจ้าของโครงการลงมาตรวจสอบ และทำให้ถูกต้อง และรับผิดชอบ
นายอุดม แก้วบุญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง อำเภอนาโยง เขต 2 กล่าวว่า แรงดันของระเบิดทำให้บ้านสั่นสะเทือน กลัวกระทบโครงสร้างบ้านเรือนที่มีอยู่ประมาณ 30 ครัวเรือน โดยหินที่ระเบิดกระเด็นมาตกใส่หลังคาอู่ซ่อมรถ โชคดีช่วงเกิดเหตุคนงานออกทำงานพื้นที่ เหลือเพียง 2 -3 คน โดยบางก้อนขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ยังไปหล่นลงใกล้ถังสต็อกยางมะรอย อันตรายกับเด็ก ๆ มาก ตนเองเคยบอกไปแล้วครั้งหนึ่งว่าอย่าจุดชนวนระเบิด พร้อมกันครั้งละหลายจุด ให้จุดทีละจุด เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน แต่ที่เขาทำเชื่อว่าระเบิดพร้อมกันครั้งละหลายจุด และอันตรายมาก เสียงดังมาก สั่นสะเทือน ทั้งนี้ ตนเคยหินการระเบิดหินของบริษัทในอ.เมืองตรัง บางแห่ง เขาจะระเบิดที่ละลูกๆ ดังเป็นจังหวะ และมีการเปิดหวอเสียงดัง แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงก่อน เพื่อให้ประชาชนได้ยิน จากนั้นจึงจะจุดระเบิดครั้งละตูม เป็นระยะๆ ไม่ใช่ดังทีเดียวพรอ้อมกัน ซึ่งอันตรายมาก ทั้งนี้ ในการระเบิดตนเองก็ไม่ทราบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ และหากขออนุญาตจะต้องแจ้งเตือน หรือทำประชาคมกับชาวบ้านก่อนหรือไม่ ตนเองไม่ชัดเจน วอนขออย่าจุดพร้อมกันครั้งละหลายลูก อันตรายกับโครงสร้างบ้าน และกระเด็นไปไกลเกรงจะตกใส่หัวเด็กๆ และชาวบ้านเป็นอันตรายถึงตายได้ ปกติตนก็ไม่อยากพูด เพราะตนก็อยากให้โครงการสำเร็จโดยเร็ว เพราะหากการก่อสร้างคลองชลประทานสำเร็จประชาชนจะได้ประโยชน์ แต่ในการทำงาน ทนไม่ไหวแล้ว เพราะจะมีการจุดระเบิดทุกวัน ๆละ 2 ครั้ง ตอนช่วงเที่ยง และช่วงเย็น และดังแรงมากเกินไป สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับการก่อสร้างคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ โครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง (ระยะที่ 2 ) ของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 16 กองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน ที่ ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง เริ่มสัญญาก่อสร้าง 2 กรกฎาคม 2563 สิ้นสุดสัญญา 21 มิถุนายน 2565 อายุสัญญา 720 วัน งบก่อสร้าง 329 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเขตเศรษฐกิจ เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ และกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง
