ตรัง ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ทชื่อดังเกาะสุกร หลังโจรบุกทุบห้องพักรีสอร์ทเอาสายไฟ ลวดทองแดง และอลูมิเนียมไปขาย พบเสียหายหนัก รวมบ้านพัก 9 หลัง 14 ห้องนอน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ขณะเจ้าของเผยเห็นสภาพห้องแล้วสุดท้อใจไม่กล้าลงทุนต่อหวั่นเรื่องความปลอดภัย ลั่นจับตัวคนร้ายได้จะดำเนินคดีถึงที่สุด เจ้าหน้าที่เผยพอทราบเบาะแสกลุ่มคนร้ายแล้วหลังจากเจ้าของร้านขายของเก่าบนเกาะสุกรนำของกลางมามอบให้กับเจ้าหน้าที่
จากเหตุโจรบุกทุบรีสอร์ทดังบนเกาะสุกรขโมยสายไฟไปขาย ซึ่งเป็นรีสอร์ทของนายอภิรมย์ รักไทย อายุ 57 ปี และนางทัชวรรณ รักไทย อายุ 59 ปี ในพื้นที่ ม.1 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน หลังโดนคนร้ายทำลายทุบกระจก รื้อฝ้าเพดาน ในห้องพัก หลังปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงโควิด19 ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา
คืบล่าสุด พ.ต.ท.ชุมพล ด้วงคง พนักงานสอบสวน สภ.ปะเหลียน เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเกาะสุกร พร้อมด้วยนายอภิรมย์ รักไทย และนางทัชวรรณ รักไทย สองสามีภรรยาเจ้าของ สุกร คาบาน่า รีสอร์ท ได้ร่วมลงตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องพักภายในรีสอร์ท ที่เคยเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อน ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงโด่งดังและรู้จักของนักท่องเที่ยวเมื่อเที่ยวเกาะสุกรต้องแวะพักเช็คอินที่แห่งนี้เพราะเป็นที่พักติดริมทะเลอยู่บนเนินมองเห็นเกาะเหลาเหลียงเกาะเภตรา เปิดประตูออกมาก็สามารถเห็นวิวทะเลสัมผัสบรรยากาศ 180 องศาเลยทีเดียว
จากการสำรวจสภาพห้องพักพบว่าภายนอกห้องพักยังอยู่ในสภาพดีหลังคาด้านนอกก็ยังคงสภาพสมบูรณ์ พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักได้หากปลดล็อกช่วงโควิด 19 แต่เมื่อเข้าไปภายในห้องกลับพบร่องรอยการทุบทำลายประตูกระจกที่ล็อกประตูไว้ ส่วนบนฝ้าเพดานโดนรื้อลงมาเกือบทั้งหมด เพื่อเอาสายไฟที่เดินอยู่ในท่อพีวีซีใต้ฝ้าเพดานดึงเอาไปเฉพาะสายไฟ ทำให้ฝ้าเพดานหล่นมาที่พื้นด่านล่างพังเสียหายทุกห้องพัก ยังพบแอร์ที่ยังมีสภาพใช้งานได้ดีก็โดนรื้อเอาเฉพาะแผงทองแดงออกมา และอลูมิเนียมที่แขวนผ้าม่านก็โดนถอดออก เหลือเพียงผ้าม่านทิ้งไว้ และทำให้ระบบไฟฟ้าแผงวงจรทุกห้องเสียหายทั้งหมด และยังพบหลักฐานคือไม้ที่มีขนาดความยาวประมาณ 3 เมตร ที่ใช้ทุบทำลาย และใช้กระทุ้งฝ้าเพดาน พบวางไว้ในห้องพัก
โดยส่วนความเสียหายยังอยู่ระหว่างการประเมิน เบื้องต้นแต่ละห้องความเสียหายไม่น้อยกว่า 3 แสนบาท รวมบ้านพัก 9 หลัง 14 ห้องนอน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 2 ล้านบาท ทำเอาเจ้าของท้อใจไม่กล้าลงทุนต่อหวั่นความปลอดภัยและเกิดเหตุซ้ำ จึงวอนให้ท้องที่และท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงนายกอบต.เกาะสุกร เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่ก่อนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลต่อไป ในส่วนของกล้องวงจรปิดของรีสอร์ตที่เคยติดตั้งไว้ก่อนช่วงโควิด 19 แต่เนื่องจากปิดรีสอร์ทมา 2 ปี ทำให้กล้องวงจรชำรุดเสียหายเนื่องจากไอทะเลกัดกร่อนจึงไม่สามารถใช้งานได้
ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงตรวจสอบและเก็บข้อมูลรวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงตัวคนร้าย ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นต้องให้ทางผู้เสียหายประเมินค่าเสียหายของแต่ละส่วนของห้องพักแต่ละหลังก่อน
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุแล้วส่วนขั้นตอนต่อไปก็เตรียมประสานให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรังเข้ามาเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเสาะหาตัวคนร้าย ส่วนตัวคนร้ายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวนหาประจักษ์พยานให้เร็วที่สุดและจะทำให้เต็มที่ ซึ่งในตอนนี้ก็พอจะพบเบาะแสของคนร้ายบ้างแล้ว เนื่องจากของกลางบางส่วนที่ทางคนร้ายได้นำไปขายในร้านขายของเก่าก็ได้มีเจ้าของร้านขายของเก่านำมาส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยเบื้องต้นเป็นการบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ลักทรัพย์
ทางด้านนายอภิรมย์ รักไทย บอกว่า จากที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานแต่ในวันนี้ได้มาลงพื้นที่จริง ต้องยอมรับว่ามันหนักมากกว่าในภาพพอมาเห็นสภาพของจริงแล้วมันทำลายเยอะมาก ไม่ใช่เป็นแค่การลักขโมยธรรมดา เท่ากับถูกทำลายทรัพย์สินให้เสียหาย ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่าประเมินค่าเสียหายล้านหนึ่งก็เอาไม่อยู่ ซึ่งค่าเสียหายประมาณล้านบาทขึ้นไป ซึ่งตนเองจะต้องไปประเมินราคาอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งที่ถูกทำลายไปจำนวน 9 หลัง 14 ห้องนอน โดนทำลายขโมยหมดเพื่อเอาของไปขายแปรสภาพเป็นของเก่าหมด แต่ส่วนเสียหายมันไม่คุ้มค่า ซึ่งต้องบอกตรงๆเลยว่าตอนนี้รู้สึกว่าเรื่องความปลอดภัยขาดความมั่นใจที่จะลงทุนต่อในเกาะ ซึ่งต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนคนพื้นที่ในเกาะคือดี แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปมากจนนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น นักลงทุนที่ไหนจะกล้ามาลงทุนถ้าพบเห็นสภาพแบบนี้ ซึ่งผู้นำในท้องถิ่นก็ควรที่จะช่วยกันเข้ามาดูแลด้วย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยผู้ประกอบการให้เขาดูแลกันเอง หากถามว่าต่อไปตัวนี้จะกล้าลงทุนอีกไหมนั้นตอบเลยว่าคิดหนักมาก หากลงทุนต่อแล้วจะคุ้มค่าไหม หากมาเจอในช่วงปิดที่เข้าหน้าโลว์ซีซั่น โจรมันจะเข้ามาขโมยอีกไหม ถามว่าอนาคตจะเกิดอีกไหมเมื่อในปัจจุบันเกิดขึ้นแล้วอนาคตก็ย่อมเกิดขึ้นได้อีกเช่นกัน มันรับประกันไม่ได้เลย ซึ่งจากที่เราเปิดรีสอร์ทนี้มาเกือบ 20 ปีแล้วนี่คือเหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและยอมรับว่าหนักสุดๆ ซึ่งแต่ก่อนก็เคยทิ้งรีสอร์ทไว้1-2เดือน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีของหาย และไม่มีคนนอนเฝ้าไม่ได้จ้างคนเข้ามาดูแลด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรหายหรือได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แต่ ณ ตอนนี้ 3-4 วันมาเฝ้า 2-3 วันมาดู ก็ยังเจอว่ามีโจรเข้ามาลักขโมยเรื่อยๆ และหากเปิดเกาะสุกรได้ก็ยังหวั่นกลัวไปจนถึงนักท่องเที่ยวอีกด้วยว่าจะโดนโจรกรรมสิ่งของ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวไปเที่ยวแล้วตอนกลางคืนโดนย่องขโมยมันมีโอกาสเป็นไปได้หมด หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ตนเองก็จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด อยากให้จับพวกขโมยพวกทำลายไปให้หมดเก็บไว้ก็เป็นภัยต่อสังคม ทั้งนี้เบื้องต้นก็พอจะรู้กลุ่มตัวคนร้ายแล้ว เนื่องจากว่าร้านที่รับซื้อของเก่าร้านหนึ่งในเกาะสุกรได้นำของกลางไปให้ที่ตำรวจท้องที่ประจำเกาะสุกร ซึ่งคาดว่าเป็นของที่ขโมยมา แต่ในส่วนสิ่งของอื่นๆก็ไม่รู้ว่ากระจัดกระจายไปอยู่ที่ไหนบ้าง แต่อาจจะเป็นใครบ้างนั้นยังอยู่การติดตามสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: