ตรัง สาวเรียนปริญญาโทจากจีน ถูกแก๊งมิจฉาชีพบนเฟสบุ๊กหลอกขายทุเรียนออนไลน์-ชิปปิ้ง ส่งออกไปประเทศจีน เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินซื้อทุเรียนพร้อมค่าขนส่ง สูญเงินกว่า 40,000 บาท เวลาผ่านไปร่วมเดือน แต่ไร้วี่แวว ทุเรียนไม่ถึงปลายทาง เจ้าตัวอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่น ๆ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้
วันที่ 26 กันยายน 2564 ที่บ้านเลขที่ 86/2 ม.5 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางสาวเครือวัลย์ อินทสระ อายุ 33 ปี ชาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาระดับ ป.โท ที่มหาวิทยาแห่งหนึ่งในประเทศจีน หอบหลักฐานการพูดคุยกับผู้ใช้ เฟสบุ๊ก “ยามมั่งมีอยู่ไหนใครก็รัก ยามเสียหลักอยู่ไหนใครก็หนี” และหลักฐานการติดต่อกับผู้ใช้ Line บริษัท SJS Express ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนหลังถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กและLine ทั้งสองอ้างว่าเป็นผู้ค้าทุเรียนใน จ.นครศรีธรรมราช มีทุเรียนเพื่อส่งออกจำนวนมาก จนทำให้นางสาวเครือวัลย์ อินทสระ หลงเชื่อโอนเงินให้แก๊งดังกล่าว จำนวน 19 ครั้ง เป็นเงิน 45,213 บาท เพื่อเป็นค่าทุเรียนส่งออกอและค่าชิปปิ้ง
และในเงินจำนวนดังกล่าวมีค่าทุเรียน ลองกอง ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ยามมั่งมีอยู่ไหนใครก็รัก ยามเสียหลักอยู่ไหนใครก็หนี” หลอกล่อให้นางสาวเครือวัลย์ อินทสระ เป็นตัวแทนโพสต์ ขายทุเรียน และ ลองกอง ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยแก๊งขายทุเรียนออนไลน์-ชิปปิ้ง อ้างว่าเป็นการช่วยชาวสวนในช่วงราคาผลไม้ตกต่ำ ซึ่งมีมูลค่าเสียหาย 13,725 บาท รวมอยู่ด้วย
นางสาวเครือวัลย์ อินทสระ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเป็นชาว จ.ตรัง เรียนคณะบริหารธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศ ที่มหาลัยในประเทศจีนตั้งแต่ระดับ ป.ตรี จนถึง ป.โท จึงได้รู้จักกับเพื่อนชาวจีนซึ่งทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากไทย โดยช่วงที่ตนอยู่บ้านที่ จ.ตรัง ในช่วงสถานการณ์โควิด19 เพื่อนชาวจีนได้ให้ตนติดต่อหาซื้อทุเรียนเพื่อนำเข้าไปยังประเทศจีน โดยวันที่ 2 กันยายน 2564 ตนจึงได้โพสต์สอบถามและหาข้อมูลการค้าทุเรียนในเพจเฟสบุ๊ก “ซื้อขายทุเรียนภาคใต้” หลังจากนั้นผู้ใช้เฟสบุ๊ก “ยามมั่งมีอยู่ไหนใครก็รัก ยามเสียหลักอยู่ไหนใครก็หนี” ทักหาตนผ่านโปรแกรม Messenger แสดงตัวเป็นผู้ค้าทุเรียนเพื่อการส่งออกและมีทุเรียนตามความต้องการของตน ซึ่งผู้ใช้เฟสบุ๊กรายนี้ได้ส่งรูปภาพทุเรียน สวนทุเรียน รถบรรทุกทุเรียน ให้ตนดูจนเกิดความเชื่อใจ และตนได้ตัดสินใจสั่งซื้อทุเรียนก้านยาว เป็นเงินจำนวน 1,045 บาท เพื่อให้จัดส่งให้เพื่อนชาวจีนชิม โดยตนได้โอนเงินจำนวนนั้นไปยังบัญชีพร้อมเพย์หมายเลขโทรศัพท์ 093-6500681 ซึ่งมีชื่อนางอังศุมา ไชยวงค์ ชาว ต.คลองหอยโข่ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นเจ้าของบัญชี
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- "ประเสริฐ รักไทย” ประกาศชน “บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ” สู้ศึกชิงเก้าอี้ อบจ.ตรัง
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- ตรัง "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน" บอกรักทะเลด้วยสองมือ ณ หาดฉางหลาง ทะเลตรัง ก้าวขา-พาสองมือเก็บขยะทะเล รังสรรค์งานศิลป์
และในเวลาไล่เลี่ยกันแก๊งนี้ได้หว่านล้อมให้ตนสั่งซื้อทุเรียนก้านยาว จำนวน 300 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55 บาท รวมเป็นเงิน 16,5000 บาท โดยอ้างว่าทุเรียนกำลังจะหมดให้ตนรีบซื้อและจ่ายเงิน เพราะหากตัดสินใจช้าจะขายทุเรียนให้กับลูกค้ารายอื่น ตนหลงเชื่อแล้วโอนเงินเงินค่าทุเรียนให้แก๊งนี้อีก เมื่อจ่ายเงินค่าทุเรียนแล้ว ผู้ใช้เฟสบุ๊ก “ยามมั่งมีอยู่ไหนใครก็รัก ยามเสียหลักอยู่ไหนใครก็หนี” ได้แนะนำให้ตนติดต่อกับบริษัทขนส่งสินค้าส่งออกและพิธีศุลกากร (ชิปปิ้ง) บริษัท SJS Express จำกัด ผ่านโปรแกรม Line เพื่อจองรถบริการขนส่งและจองตู้ขนส่งแช่เย็น ไปยังประเทศจีน และได้โอนเงินค่าขนส่งทุเรียนไปยังประเทศจีนทั้งสิ้น 10,400 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของนาย ณัฐวุฒิ แก้วรัตน์ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธกส) เลขที่ 020-179955-240 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 โดยบริษัท SJS Express จำกัด ได้แจ้งกำหนดทุเรียนส่งถึงปลายทาง เมืองกวางสี ประเทศจีนในวันที่ 7 กันยายน 64 แต่เมื่อครบกำหนดกลับปรากฏว่าเพื่อนชาวจีนไม่ได้รับทุเรียน และตนไม่สามารถติดต่อผู้ใช้เฟสบุ๊ก ไลน์ และ เบอร์โทรของทั้งสองได้อีก จึงมั่นใจว่าโดนหลอกจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง ในขณะเดียวกันลูกค้าที่สั่งซื้อทุเรียน และ ลองกอง ที่แก๊งนี้หลอกให้ตนเป็นคนกลางโพสขายในเฟสบุ๊คผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ก็ไม่ได้รับสินค้าเช่นเดียวกัน ซึ่งตนได้โอนเงินที่ลูกค้าสั่งซื้อผ่านตนคืนให้จนครบทุกราย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ซึ่งระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนอยากออกมาเผยแพร่ประสบการณ์นี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นๆ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้ เพราะล่าสุดตนได้ลองทดสอบโอนเงินไปยังทั้งสองบัญชีธนาคาร ปรากฏว่ายังสามารถโอนเงินเข้าได้ตามปกติ และเมื่อตรวจสอบไปยังชื่อผู้ให้เฟสบุ๊ก “ยามมั่งมีอยู่ไหนใครก็รัก ยามเสียหลักอยู่ไหนใครก็หนี” พบว่าได้เปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อบัญชีเฟสบุ๊กอื่นแล้ว ซึ่งเชื่อว่าแก๊งนี้คงจะเปลี่ยนชื่อเฟสบุ๊กไปเรื่อยๆ จึงคิดว่าการออกมาของตนจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: