ตรัง เปลี่ยนผ้าเก่าไร้ค่าแต่มีราคากระถางต้นไม้ “ กระถางผ้าขี้ริ้ว กระถางผ้าพอเพียง” ฝีมือของวิทยากร กศน.ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง สวย เก๋ มีคุณค่า และราคา เป็นที่ต้องการของตลาด
ที่ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน กศน.ตำบลหนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง มีการถ่ายทอดการทำกระถางต้นไม้จากผ้าขี้ริ้ว ให้แก่ประชาชนที่สนใจ โดยความร่วมมือกันของ อบต.หนองปรือ นำโดยนายชยพล เจริญฤทธิ์ ปลัด อบต.หนองปรือ นายจารุกิจ ทองทิพย์ วิทยากร จบการศึกษาด้านจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ นางอมรรัตน์ ทองทิพย์ ครู กศน. ต.หนองปรือ และนายสุรวุฒิ ขันธ์คง ผอ กศน.อ.รัษฏา โดยมีผลงานกระถางต้นไม้แบบพอเพียงโชว์ให้เห็นอย่างสวยงาม ลักษณะเหมือนกระถางเปลือกไม้
ทั้งนี้ วัสดุหลักๆ ที่ใช้ทำหาได้ง่ายภายในครัวเรือน เช่น เสื้อผ้าเก่า ผ้าขี้ริ้วต่างๆ ผ้าขนหนู เสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว และปูนก่อสร้างทั่วไป โดยไม่ต้องใส่สวนผสมชนิดอื่นปน ส่วนแม่พิมพ์ก็สามารถใช้กระถางต้นไม้พลาสติก กะละมัง หรือวัสดุที่รูปทรงต่างๆ ก็สามารถนำมาทำเป็นแม่พิมพ์ได้ ทั้งนี้ วิธีการทำ คือ ทำแม่พิมพ์มาวางคว่ำ จากนั้นให้นำผ้าขี้ริ้ว หรือผ้าขนหนูมาวางทับ โดยที่ส่วนของผ้าลอยชายลงไปปิดภาชนะแม่พิมพ์ จากนั้นหยิบจับผ้าขี้ริ้วตรงจุดกลาง หรือบริเวณส่วนก้นของแม่พิมพ์ขึ้นมา แล้วนำมาตัดให้ขาด เพื่อทำเป็นรูให้กับกระถางผ้าขี้ริ้ว เพราะกระถางต้นไม้ทั่วไปจะต้องเจาะรูตรงกลาง เพื่อระบายน้ำ จากนั้นละลายปูนซีเมนต์ก่อสร้างทั่วไปด้วยน้ำ โดยไม่ต้องใส่ทราย เพราะหากใส่ทราย จะทำให้ปูนซีเมนต์หลุดลอกไม่ยึดเกาะกับผ้าขี้ริ้ว จากนั้นนำแม่พิมพ์มาวางคว่ำไว้ให้สูงจากพื้น แล้วนำผ้าขี้ริ้วลงไปคลุก หรือชุบกับปูนซีเมนต์ละลายน้ำให้เนื้อปูนซึมเข้าเนื้อผ้า จากนั้นนำผ้าชี้ริ้วชุบปูนซีเมนต์ไปวางทับบนแม่พิมพ์ หรือภาชนะรูปทรง แล้วจับจีบ จับริ้วให้สวยงาม อ่อนช้อย ให้ออกมาเป็นรูปทรงกระถาง จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งแข็ง 1 คืน แล้วแกะเอาแม่พิมพ์ออก จากนั้นฉาบด้วยปูนซีเมนต์ทับอีกชั้น ทั้งด้านนอก ด้านใน แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง 2 คืน จากนั้นนำมาตัดแต่งส่วนปลายแล้วทาสี ซึ่งเป็นสีที่วิทยากรคิดค้นสูตรเอง โดยทาทับหลายสีกันก็ได้ จะทำให้กระถางที่ได้สวยงาม มีมิติ ทั้งนี้ มี 2 แบบ คือ แบบธรรมดาหลังทาสี และแบบทาสีแล้วทาทับเคลือบเงาวาว เสร็จแล้วจะได้กระถางต้นไม้แบบพอเพียง จากผ้าขี้ริ้วสีสัน รูปทรงแปลกตา สวยงามเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับมุมสวยๆภายในบ้าน หรือจัดสวน เหมาะกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพียงใส่ดินก็ปลูกต้นไม้ได้เลย หรือจะให้ทำเป็นแจกกันใส่ดอกไม้โชว์ หรือวางสิ่งของก็ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของรูปทรงกระถางผ้าขี้ริ้วที่ได้ ลักษณะกระถางที่ออกมา สีคล้ายเปลือกไม้ สวยงาม ส่วนราคาขายขึ้นอยู่กับขนาดของกระถาง เช่น เล็กสุดไซด์ มินิ ราคา 49 บาท ราคาหลักร้อย และสูงสุด 550 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด มินิ กลาง ใหญ่
นายจารุกิจ ทองทิพย์ วิทยากร กล่าวว่า ตนเองจบการศึกษาด้านจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์เดิมทำงานด้านศิลปะที่กรุงเทพฯ แต่ขณะนี้ได้กลับมาอยู่บ้าน จึงรับเป็นวิทยากรนำความรู้และความชำนาญที่มีมาถ่ายทอดให้แก่นักศึกษา กศน.อ.รัษฎา กลุ่มแม่บ้าน รวมทั้งประชาชนที่สนใจ รวมทั้งมีพ่อค้า แม่ค้าต้นไม้ในพื้นที่ก็มาเรียนด้วย เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจขายต้นไม้ ถือเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้คนรุนต่อไป ทั้งงานปั้น งานผ้า ซึ่งทำจากผ้าขี้ริ้ว ส่วนราคาขายไม่แพง เพราะวัสดุหาง่ายขึ้นอยู่กับรูปแบบ
ทางด้านนายชยพล เจริญฤทธิ์ ปลัด อบต.หนองปรือ กล่าวว่า อบต.หนองปรือ พร้อมส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชน รวมทั้งผู้สนใจ ที่อยากมีความรู้ มีอาชีพเสริม เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เชื้อโควิดระบาด ทำให้ประชาชนไม่อยากออกจากบ้าน แต่อยู่บ้านมาก จะได้ใช้เวลาว่างหลังจากทำสวน หรืออาชีพหลักแล้ว ได้มาทำจะได้มีรายได้เสริม และเห็นฝีมือของวิทยากร จึงมีแนวคิดกับกศน. ให้มาถ่ายทอดให้แก่ประชาชนผู้สนใจ ประกอบกับขณะนี้ความนิยมในพันธุ์ไม้ประดับ และบอนสีมีจำนวนมาก จึงให้ผู้ค้าพันธุ์ไม้ในพื้นที่มาเรียนรู้ด้วย เพื่อจะได้นำไปทำเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้พ้นธุ์ไม้ต่างๆ เชื่อว่าจะทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน ส่วนการจำหน่ายทาง อบต.จับมือ กศน.พร้อมส่งเสริม โดยขายผ่านทางเฟสบุ๊คของ นางอมรรัตน์ ทองทิพย์ ครู กศน. ชื่อ เฟสบุ๊ก Amonrat tongtip หรือหมายเลขโทรศัพท์ 090 – 1684390
ทางด้านนายสุรวุฒิ ขันธ์คง ผอ กศน.อ.รัษฏา กล่าวว่า กศน.อ.รัษฎาจัดโครงการ การศึกษาต่อเนื่อง เพื่อเสริมอาชีพให้กับประชาชนได้มีรายได้ โดยทำติดต่อกันมาหลายปีแล้ว แบ่งเป็น 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรอาชีพชั้นเรียน 40 ชม. ขึ้นไป และหลักสูตรต่ำกว่าชั้นเรียน 30 ชม.ลงมา โดยกศน.อ.รัษฎา จะเชิญวิทยาที่มีองค์ความรู้ มีวุฒิการศึกษาด้านที่จะถ่ายทอดโดยตรงมาเป็นวิทยากรถ่ายทอด หรือเป็นครูภูมิปัญหาท้องถิ่น เช่นเดียวกับงานกระถางต้นไม้จากผ้าขี้ริ้วนี้ เป็นหลักสูตรระยะสั้น ฝึกเพียงแค่ 1-3 วัน ก็สำเร็จ โดยวิทยากรจบทางด้านศิลปะมาโดยตรง จะทำให้นักศึกษา และประชาชนได้ความรู้ไปต่อยอดทำเป็นอาชีพเสริม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิดนี้
