ตรัง ชวนเที่ยวเส้นทางท่องเที่ยวสวรรค์บนดิน “บ่อหินฟาร์มสเตย์” ชมวิถีชีวิตชาวประมงออกหาปลายามเช้า ล่องเรือเที่ยวอ่าวบุญคง แวะพักผ่อนเล่นน้ำที่เกาะหลอหลอ และล่องเรือไปตามลำคลองสิเกา ผ่านผืนป่าชายเลนแวะน้ำพุเค็มร้อนกลางทะเล อุณหภูมิ 47 องศา และกินอาหารทะเลสดๆ จากครัวหน้าบ้าน แบบ“สดดิกดิก”(ภาษาใต้)ที่ชาวประมงเลี้ยงปลาในกระชัง ณ ที่พักบ่อหินโฮมสเตย์ กับจบทริปสุดท้ายชมดวงอาทิตย์ยามเย็นสร้างภาพ ซิลลูเอท (Silhouette) บรรยากาศโรแมนติก เอามือแตะพระอาทิตย์ที่ “หาดเก็บตะวัน”
แม้ตรังจะเป็นเมืองรองของการท่องเที่ยว ความเป็นเมืองรองสามารถการันตีได้ว่าทรัพยากรธรรมชาติที่นี่ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งทะเล ภูเขา ป่าไม้ น้ำตก วิถีของผู้คน ที่ยังใช้ชีวิตตามวิถีของบรรพบุรุษ เช่น อาหารการกิน ประเพณีวัฒนธรรม และยังคงเสน่ห์ ติดตาของแขกผู้มาเยือน และสิ่งที่นักเดินทางไม่พลาดจะสัมผัสนั้น หนีไม่พ้นเรื่องธรรมชาติ ทะเล กับกิจกรรมล่องเรือ ดำน้ำ ย่ำเท้าบนหาดทราย และลิ้มรสอาหารร้านดัง และ อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น
โดยเฉพาะที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร “บ่อหินฟาร์มสเตย์” โดยมีนายบรรจง นฤพรเมธี ประธานวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงปลากระชังบ้านพรุจูด ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง “บ่อหินฟาร์มสเตย์” แห่งนี้ ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนจะคอยต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี โดยทริปการท่องเที่ยวของบ่อหินฟาร์มสเตย์ จะเริ่มต้นด้วยการนั่งเรือหัวโทงไปชมภูเขา ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ หินงอกหินย้อย ที่เวิ้งถ้ำ ร่วมสร้างแหล่งอาหารให้น้องพะยูน ที่อ่าวบุญคง อ่าวบุญคง อ.สิเกา เนื้อที่กว้างเกือบ 500 ไร่ พร้อมวิถีชีวิตยามเช้าของชาวประมงที่ออกเรือหาปลา ด้วยการนำลอบปู และอวนปลา จำนวนหลายลำจอดนิ่งเพื่อดักจับสัตว์น้ำมาจำหน่ายและนำมาเป็นอาหารหาเลี้ยงครอบครัว หลังจากนั้นก็ได้ล่องเรือไปที่เกาะหลอหลอเพื่อลงเล่นน้ำใสและหาดทรายละเอียด จากนั้นก็ล่องเรือไปตามลำคลองสิเกา ผ่านผืนป่าชายเลนถึงบ่อน้ำพุเค็มร้อนกลางทะเล เพื่อทำสปาโคลนร้อนจากบ่อน้ำพุเค็มร้อน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเส้นทางธรรมชาติที่แสนมหัศจรรย์ มีน้ำพุเล็ก ๆ น้ำใสราวกระจก ผุดขึ้นกลางดินโคลนสีดำ ซึ่งเกิดจาก “รอยแยกของเปลือกโลก” มีอุณหภูมิ 47 องศา
และกลับมาทานอาหารทะเลจากครัวหน้าบ้าน ซึ่งเป็นกระชังปลากะพง ปลาเก๋า ในทะเล รวมทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ชาวประมงท้องถิ่นหามาขายให้วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ และถูกปรุงโดยเชฟชุมชน ไว้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน รวมไปถึงเมนูจากพืชผักผักของชาวบ้านในพื้นที่ เน้นปรุงรสแบบพื้นบ้าน ปรับรสชาติให้ถูกลิ้นนักท่องเที่ยว ซึ่งอาหารทะเลในจาน ที่อยู่ตรงหน้า เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ และ ความสด บ่งบอกว่า “สดดิกดิก” ส่วนรสชาตินั้นต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า “หรอยจังฮู้” ซึ่งมีเมนู เช่น ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว นำปลาเก๋าสดๆ ที่เลี้ยงในกระชังหน้าบ้าน เลี้ยงโดยอาหารจากปลาเหยื่อที่สดใหม่ นำมานึ่งกับซอสซีอิ๊วตามสูตรของบ่อหินฟาร์มสเตย์ แกงส้มปลากะพงใส่ต้นบอน (ภาษาถิ่นเรียกว่า “อ้อดิบ” ภาษากลางเรียกว่า “คูน”) นำปลากะพงสดๆ จากกระชัง ปรุงด้วยเครื่องแกงตำมือ โดยใช้พืชผักสมุนไพรสดใหม่ เมนูปลาเค็มกางมุ้ง ปลาสีเสียดหรือสละ จากกลุ่มแปรรูปอาหารทะเล (ปลาเค็มกางมุ้ง) พร้อมเสิร์ฟให้นักท่องเที่ยว
หลังจากนั้นก็ล่องเรือยามเย็นไปยังหาดเก็บตะวันเพื่อชมดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าระหว่างปลายแหลมเกาะลันตา ในช่วงเวลาพลบค่ำ และหาดเก็บตะวันแห่งนี้จะเกิดเป็นสันทรายขึ้นในช่วงน้ำทะเลลดต่ำในรอบวัน มีหาดทรายขาวเนียน เนื้อทรายละเอียด และปูลมวิ่งเล่นบนชายหาด โดยใช้เวลาท่องเที่ยวจนจบทริปเป็นเวลา 1 วัน
ด้านนายบรรจง นฤพรเมธี ประธานวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงปลากระชังบ้านพรุจูด บอกว่า ตอนนี้ทางชุมชนบ่อหินฟาร์มสเตย์ได้เตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงที่จังหวัดตรังเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ที่นี่เราได้มีการเตรียมในเรื่องของการดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวที่บ่อหินฟาร์มสเตย์ต้องปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดในการเข้าเมืองของจังหวัดและว่าด้วยการปฏิบัติในแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 เริ่มตั้งแต่ชุมชนของเราจะมีการเตรียมจุดคัดกรอง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม และหากยังไม่ได้รับวัคซีนต้องทำการตรวจ ATK เมื่อเข้ามาเราก็จะตรวจวัดอุณหภูมิ ซึ่งทางชุมชนก็มีมาตรการในการรองรับการดูแลแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ให้บริการปลอดจากโควิด 19 ซึ่งในชุมชนก็ได้รับวัคซีนครบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วและตรวจ ATK ทุก ๆ 7 วันสำหรับผู้ที่จะมาให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย โดยทริปของเราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ วันเดย์ทริปลงเรือไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศของบ่อหินฟาร์มสเตย์ ไปยังบ่อน้ำพุเค็มร้อน อ่าวบุญคง เกาะหลอหลอ และหาดเก็บตะวัน ซึ่งใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงจบทริปหรือหากทานอาหารทะเลสดๆสามารถแจ้งก่อนล่วงหน้าได้ และอีกทริปคือมาพักผ่อนที่บ่อหินฟาร์มสเตย์จะมีห้องพักรองรับสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักค้างคืน โดยรองรับได้ประมาณ 40 คน มีห้องพักทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวก ในแต่ละห้องดูแลตามมาตรการของโควิด 19 ในส่วนของราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาทต่อลำ ส่วนห้องพักราคาเริ่มต้น 400 บาท หากจำนวนคนมาเพิ่มจะเพิ่มอีก 200 บาทต่อ 1 คน แต่หากมาเป็นหมู่คณะอยู่ที่คนละ 800 บาท หากมา 1-2 คน คนละ 1,500 บาท และ 2-8 คน ราคา 1,000 บาทต่อคน
