ตรัง – สุดสลด ครอบครัว และผู้นำชุมชนร้องสื่อ เด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบเศษถูกชายตำบลใกล้เคียงล่อลวงพาขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปข่มขืนกลางวันแสกๆ เรียกร้องตำรวจเร่งจับคนร้าย เพราะเด็กสามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนร้าย ในขณะคนที่ช่วยเหลือเด็ก มองเห็นหน้าและจำได้แม่นยำ ขณะที่ยังเดินลอยนวลอยู่ในหมู่บ้าน หวั่นจะก่อเหตุซ้ำ และจัดเป็นบุคคลอันตราย เพราะญาติใกล้ชิดของคนร้ายยอมรับกับชาวบ้านว่า คนก่อเหตุมักมีนิสัยลักษณะดังกล่าวกับเด็ก
นายสุขถวิล พระคง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 บ้านสุไหงบาตู ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมด้วยผู้นำหมู่บ้าน และครอบครัวของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ร่วมกันร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวว่า มีเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นลูกบ้าน ถูกคนต่างตำบลและต่างหมู่บ้าน ทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อนายจ็อง หรือชื่อจริงคือ นายประพันธ์ หมาดบู อายุประมาณ 34 ปี เป็นคนบ้านพระม่วง ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นคนในตำบลและหมู่บ้านติดกับหมู่ที่ 8 ต.เกาะลิบง ได้ก่อเหตุล่อลวงเด็กหญิงเคราะห์ร้ายไปข่มขืนกระทำชำเราภายในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ใกล้บ่อเลี้ยงกุ้ง ในพื้นที่บ้านพระม่วง ต.นาเกลือ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไปประมาณ 1 กม. โดยเด็กหญิงเอ อาศัยอยู่กับย่า และปู่ (ปู่เลี้ยง) โดยที่พ่อกับแม่แยกทางกันได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว โดยพ่อของเด็กหญิงขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจ.ตรัง ส่วนแม่ของเด็กหญิงเอ ไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่ที่ จ.กระบี่ ย่ากับปู่จึงไปรับหลานมาเลี้ยงเอง เพราะเป็นห่วงว่าอยู่จ.กระบี่ โรงเรียนอยู่ไกลนับ 10 กม. และเห็นว่าแม่แต่งงานมีสามีใหม่ และเห็นว่าเป็นหลานสาวอยู่ด้วยกันอาจไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร จึงไปรับหลานมาเลี้ยงดูเอง โดยน้องชายของเด็กหญิงเอ อายุ 6 ขวบ ยังอยู่กับแม่ที่ จ.กระบี่ หลังเกิดเหตุครอบครัวได้พาเด็กหญิงไปแจ้งความ ที่สภ.กันตัง และตรวจร่างกาย แต่ทุกคนเรียกร้องอยากให้จับคนก่อเหตุโดยเร็ว เพราะมีพยานเห็นคนร้ายคนดังกล่าว และเด็กก็จำและชี้ตัว ชี้รูปได้ตรง จึงอยากให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายโดยเร็ว
โดยเหตุเกิดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม เวลาประมาณ 12.00 น. ระหว่างเด็กหญิงออกไปเล่นกับเด็กๆด้วยกันที่บ้านญาติคนหนึ่ง ห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กม. เส้นทางไปบ้านมดตะนอย หมู่ที่ 3 ต.เกาะลิบง แต่ยังอยู่ในพื้นที่หมู่ 8 จนต่อมาเด็กหญิงขอเงินน้าชาย จำนวน 10 บาท เพื่อจะไปซื้อขนมที่ร้านค้าบริเวณหน้ามัสยิดสุไหงบาตู ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านญาติที่ไปเล่นประมาณ 500 เมตร เมื่อชวนพี่สาว ซึ่งเป็นเด็กหญิงซึ่งเป็นญาติกัน แต่พี่สาวไม่ไป เด็กหญิงเอ จึงเดินเท้าไปคนเดียว เมื่อเดินมาได้ประมาณ 200 เมตร ก็มีนายจ็อง ซึ่งทราบภายหลังว่าไปนั่งเล่นอยู่บ้านเพื่อน ใกล้กับบ้านญาติของเด็ก ได้ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังเด็กมา จึงคาดว่าชายคนดังกล่าวตั้งใจออกมาหาเด็กหญิง เมื่อมาทันเด็กในระยะประมาณ 200 เมตร ก็มาจอด จากนั้นได้ถามเด็กว่าจะไปไหน เด็กหญิงบอกว่าจะไปซื้อขนมหน้ามัสยิด นายจ็อง จึงชวนขึ้นซ้อนท้ายบอกว่าจะไปส่ง เพราะถนนสายดังกล่าวจะต้องผ่านหน้ามัสยิดและผ่านร้านค้าดังกล่าวพอดี ซึ่งอยู่บริเวณ 3 แยกหน้ามัสยิด ทำให้เด็กหญิงหลงเชื่อ จึงยอมซ้อนท้ายรถจยย.มาด้วย แต่เมื่อมาถึงหน้าร้านค้าดังกล่าว นายจ็องไม่จอดให้เด็กลง กลับขี่รถเลยร้าน และเลี้ยงไปทางซ้ายมือ และไม่ยอมเลี้ยวไปทางขวา เพื่อจะไปส่งเด็กที่บ้านย่า แต่กลับพาเด็กซ้อนท้ายเลยไปโดยไม่ยอมหยุดรถ เมื่อเด็กถามนายจ็องกลับบอกว่าจะพาไปเที่ยวกันตังก่อน จากนั้นจึงขับรถจักรยานยนต์พาเด็กอ้อมไปเส้นทางไกลหลายกิโลเมตร และพาเด็กไปข่มขืนภายในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ใกล้บ่อเลี้ยงกุ้ง (ตามข้อมูลที่เด็กบอก) จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น.ชายคนดังกล่าวก็ขับรถจักรยานต์ออกมาจากจุดดังกล่าว นำเด็กมาส่ง แต่ระหว่างทางพบเห็นพลเมืองดี 2 คน เป็นคนบ้านพระม่วง กำลังต่อนก และไปตัดไม้ทำไซดักหมึก จึงรีบปล่อยเด็กทิ้งกลางทาง และขับรถจักรยนต์ย้อนกลับไปทางเดิม และหนีไป เด็กหญิงเอ จึงได้รับการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เด็กหญิงเล่าให้ฟังว่า ระหว่างทางเดินออกมาจะไปซื้อขนม ชายคนดังกล่าว ซึ่งตนเองไม่รู้จักก็ขับรถจยย.มาจอด จากนั้นถามตนว่าจะไปไหน จึงบอกว่าจะไปซื้อขนม ขายคนดังกล่าวก็บอกว่าให้ขึ้นรถมาจะไปส่ง ตนเองก็ขึ้นรถ แต่ชายคนดังกล่าวไม่จอดรถให้ลง แต่พอเลยร้านค้าและรถไม่เลี้ยวไปทางบ้านโต๊ะ (ย่า) ตนเองก็ถามว่าไปไหน ชายคนนั้นบอกว่า จะพาไปเที่ยวกันตัง ตนเองจำต้องนั่งซ้อนท้าย และกลัวมาก ชายคนนั้นพาไปไกลมาก ตนไม่รู้จักทาง แต่ผ่านสวนยาง สวนปาล์ม เมื่อไปถึงหน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง ชายคนนั้นจอดรถให้ตนเองลง ตนไม่ลง จึงถูกชายคนดังกล่าว ตบใบหน้าด้านซ้าย 1 ครั้ง และชกเข้าที่คางข้างขวาอีก 1 ครั้ง หลังจากนั้นตนเองก็สลบไปจำอะไรไม่ได้ มารู้สึกตัวอีกทีอยู่บ้านนั้นแล้ว และถูกชายคนดังกล่าว ข่มขู่ สั่งว่าอย่าบอกใคร ไม่ให้บอกโต๊ะ (ย่า) ทั้งนี้ บริเวณใบหน้าเด็ก ยังมีรอยเขียวช้ำ จากการถูกตบและชกใบหน้า
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน" บอกรักทะเลด้วยสองมือ ณ หาดฉางหลาง ทะเลตรัง ก้าวขา-พาสองมือเก็บขยะทะเล รังสรรค์งานศิลป์
- สงขลา 6 ล้อบรรทุกน้ำเเข็งหลอด เสียหลักพุ่งชน จยย.เเม่ลูกจะไปโรงเรียน ดับ 1 บาดเจ็บ 2
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
ด้านโต๊ะ หรือย่า ของเด็กหญิง เล่าว่า ปกติตนเองไม่ค่อยให้หลานไปไหนคนเดียว จะให้เล่นอยู่แต่ใกล้ๆ ไม่ให้อยู่ห่างสายตา เพราะจะเป็นห่วง น้องก็จะดูทีวี และเล่นกับแมว แต่เมื่อวานนี้ วันเกิดเหตุมีน้าชาย ซึ่งเป็นญาติและญาติมาหา และชวนกันไปเล่นที่บ้าน หลานสาวจึงตามไป จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตนเองทรุดเลย หลังทราบเรื่อง เสียใจมาก เพราะไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ปกติก็จะระวังเรื่องนี้ จึงพยายามสอนหลานสาว ไม่ให้ออกไปไหนไกล ไม่ให้ห่างสายตา แต่มาเกิดเหตุขึ้นจนได้ เช่นเดียวกับญาติคนอื่นๆที่เป็นผู้หญิง ต่างก็เสียใจ ยังอยู่ในสภาพที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำตาคลอเบ้าทุกคน ด้วยความเสียใจ และเจ็บแค้นที่มีคนมาทำร้ายหลาน และไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในหมู่บ้าน และคนก่อเหตุยังอยู่ลอยนวล ซึ่งขณะนี้หลานยังเจ็บแผล ยังต้องกินยา หลังเกิดเหตุแก้มบวมเป่ง เพราะถูกตบและถูกชก แต่ขณะนี้ยังมีร่องเขียวช้ำที่แก้ม และยังอยู่ในอาการหวาดผวา และอาเจียนเป็นระยะๆ ต้องกินยาแก้อาเจียน ซึ่งคาดว่าคงเกิดจากอาการเครียด
ทางด้านนายวิเชียร บุญศรี อายุ 37 ปี (เสื้อเหลือง) ชาวบ้านพระม่วง ต.นาเกลือ ซึ่งเป็นคนที่ช่วยเหลือเด็กหญิง เล่า และผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่ตนเองเห็นรถและเห็นหน้าไอ้จ็องได้ชัดเจน จุดที่นำเด็กมาทิ้ง โดยเล่าว่า ตนเองอยู่บนเนินในสวนยางพารา นั่งต่อนก ส่วนเพื่อนอีกคน ซึ่งไปเจอกันโดยบังเอิญไปตัดไม้ทำไซดักปลาหมึก จึงคุยกันและซุ่มนก ก็ได้ยินเสียงรถจยย.แต่งเสียงดัง สตาร์ทรถอยู่ไม่ไกลมานัก จากนั้นเสียงรถใกล้เข้ามาเรื่อย จนกระทั่งมาใกล้ตน จึงเห็นหน้าว่าเป็นไอจ็อง เพราะเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมจึงถึงชั้น ป.6 ก็จำได้แม่น ตอนแรกที่เห็นเข้าใจว่า ไอ้จ็องมากับลูกสาวของไอ้จ็อง แต่พอไอ้จ็องเห็นตน ก็ปล่อยเด็กและคุยอะไรกับเด็กไม่ทราบ มัวแต่จ้องกรงนก จากนั้นเมื่อหันหน้าไปมองอีกที ก็พบเด็กหญิงเดินมาตามทางคนเดียว ตนเองจึงเดินลงไปดู เพราะตกใจที่เห็นเด็กหญิงเดินมาและกลั้นร้องไห้ด้วยอาการละล้าละลัง ไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี เพราะที่เปลี่ยว ในลักษณะเดินกลับไปกลับมาด้วยความกลัว ตัวสั่น และกลั้นร้องไห้ร้องเบาๆไม่ให้เสียงออกมา ตนจึงเดินไปหา และจำได้ทันที่ว่าเป็นน้องเอ ลูกสาวของเพื่อน ตนจึงร้องทักว่า มาได้ยังไง จำสู ( น้า แทนชื่อตัวเอง ) ได้มั๊ย ไม่ต้องกลัว มาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น บอกสูมา.. นี่สูเอง ไม่ต้องกลัว น้องเอ จึงร้องไห้โฮ และบอกว่าตัวเองข่มขืน ตนกับเพื่อนก็ตกใจมาก ตนจึงถามว่าใครทำ ทำยังไง น้องเอ จึงบอกว่า เขาตบหน้าและชกหน้า จนสลบ พร้อมกับร้องไห้โฮ.. ตนเองโกรธมาก อยากจะไล่ตามไอ้จ็องไป เพราะตนจำได้ว่าคือ ไอ้จ็อง แต่น้องเอ ร้องไห้หนัก และบอกตนว่า อย่าบอกโต๊ะนะ (ย่า) กลัวโต๊ะโกรธ ตนเองทนไม่ได้ จึงบอกว่าไม่ได้ ต้องบอก และให้น้องเอขึ้นรถพากลับมาส่งบ้าน เรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองทำใจไม่รับไม่ได้เลย อยากจะไปจัดการกับ่คนที่ทำร้ายน้อง พร้อมจะไปเป็นพยานให้ เพื่อจัดการกับคนชั่วที่ทำร้ายเด็ก ตอนนี้ยังเห็นไอ้จ็องขี่รถอยู่ในหมู่บ้าน จึงอยากให้ตำรวจรีบจับกุมโดยเร็ว เพราะพวกตนทนเห็นมันลอยนวลอยู่ไม่ได้ เพราะตำรวจรับแจ้งความแล้ว และรู้ชัดว่าคนนี้ทำ ยังไม่รีบจับกุม นอกจากนั้นเมื่อคืนที่ผ่านมา น้องชายไอ้จ็องมาที่บ้านตน ตนเองก็ถามว่า ไอ้จ็องเป็นคนยังไงบ้าง ได้รับคำตอบว่า.. เรื่องแบบนี้ได้เห็นอยู่บ้าง พฤติกรรมแบบนี้ทำกับเด็กอยู่บ้าง ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าทำแบบไหน หรืออาจมีเด็กคนอื่นตกเป็นเหยื่ออีก แต่ไม่มีใครบอก
ด้านนายสุขถวิล พระคง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 บ้านสุไหงบาตู (สวมหมวก) กล่าวว่า ตนเอง ผู้นำ และชาวบ้าน ต่างไม่สบายใจ รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กๆในหมู่บ้าน จะร่าเริง วิ่งเล่นกันในหมู่บ้าน หลังเกิดเหตุชาวบ้าน คนเฒ่าคนแก่ก็เป็นห่วงไปถามที่บ้านตลอดเวลา ตำรวจควรทำงานกระทำการเอาผิดกับคนก่อเหตุให้รวดเร็ว เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน เด็กก็บอกได้ มีพยานเห็น แต่ยังเห็นคนก่อเหตุยังอยู่ กลัวว่าจะเป็นภัยกับเด็กคนอื่นๆอีก ชาวบ้านหวาดผวากันทั้งหมด เพราะไม่ใช่แค่คดีอุกฉกรรจ์อย่างเดียว แต่เป็นภัยสังคม อยากให้ตำรวจให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากที่สุด
ด้านนายเกษม หมานหรา แพทย์ประจำตำบลเกาะลิบง (เสื้อยืดสีเทา) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสลดใจมาก คับแค้นใจให้ญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาก่อน จึงขอเรียกร้องตำรวจให้ทำงานให้เต็มที่ จับกุมคนก่อเหตุเอามาลงโทษให้ได้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ตอนนี้ห่วงจะไปก่อเหตุซ้ำกับลูกหลานคนอื่นอีก ตอนนี้ชาวบ้านทุกคนผวากันหมด ต้องคอยดูแลบุตรหลานใกล้ชิด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: