อบจ.ตรัง และ สปสช. เขต 12 ลงนามข้อตกลงจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด เพื่อเข้าถึงการดูแล ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง
วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ณ ห้องประชุมสภา อบจ.ตรัง นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง ลงนามข้อตกลงการดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดตรัง ร่วมกับนพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต12 สงขลา โดยมีนายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นพ.สิยชัย รองเดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง ท้องถิ่นจังหวัดตรัง ตัวแทนชมรมคนพิการจังหวัดตรัง สมาชิกสภา อบจ.ตรัง หัวหน้าส่วนราชการ อบจ.ตรัง ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพในจังหวัดอย่างครบวงจร มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลังจากนั้นมีการประชุมเรื่อง การบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด โดยวิทยากร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 12
สำหรับงบประมาณในการจัดตั้งกองทุนฯ สปสช.จัดสรรงบประมาณในอัตรา 5 บาท/ประชากร ประมาณ 2,459,610 บาท และ อบจ.ตรัง สมทบเงิน จำนวน 2,500,000 บาท รวมงบประมาณ 5,000,000 บาท เพื่อสนับสนุนการจัดบริการตามโครงการ หรือกิจกรรมที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ ได้อนุมัติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนในลักษณะโครงการ หรือกิจกรรม ให้กับ อบจ. อปท.อื่นๆ สถานบริการ หน่วยบริการ หน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานอื่น กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้สูงอายุ หรือองค์กรอื่นๆ เป็นต้น
ข่าวน่าสนใจ:
นายก อบจ.ตรัง กล่าวว่า อบจ.ตรัง พร้อมที่จะขับเคลื่อนงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตั้งเป้าหมายว่าการดำเนินงานตาม MOU วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จในการดูแลพี่น้องประชาชนชาวตรัง โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องได้รับบริการการฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: