ตรัง คนเกาะลิบงเตรียมเข้าแจ้งความเอาผิด ฐานหมิ่นประมาทชาวเกาะลิบง โดยการโฆษณากับนายวีรชัย แสงศรี นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะลิบง อ.กันตัง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจ.ตรัง แล้วภายหลังมาระบุว่าสร้อยคอ และเงินมูลค่ารวม 130,000 บาท หายขณะเข้าพักที่รีสอร์ต พร้อมกับกล่าวหาว่าคนเกาะลิบงเป็นขี้ขโมย และจะทำป้ายไปปิดประกาศที่ท่าเรือ เพื่อให้คนรู้ไม่ให้เข้าไปท่องเที่ยวและเข้าพักที่เกาะลิบง เป็นการทำลายชื่อเสียงคนเกาะลิบง และทำลายการท่องเที่ยวของเกาะลิบง
จากกรณีที่นักท่องเที่ยวเป็นชายชื่อนายวีรชัย แสงศรี อายุ 21 ปี ชาวตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จ.พัทลุง โพสต์ข้อความระบุว่าตนเองพร้อมแฟนสาว ญาติและเพื่อนรวม 8 คนไปพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะลิบงแล้วทรัพย์สินสูญหาย โดยโพสต์ระบุว่า “ฝากถึงรีสอร์ต์ในเกาะลิบง ตนเองไปนอนค้างคืนคืนเดียวมางัดห้อง สร้อยคอหนัก 4.50 บาท เงินสด 2,000 บาท มูลค่ารวมประมาณ 130,000 บาท หายไป แต่เจ้าของรีสอร์ต์บอกไม่ทราบจะทำเช่นไร พร้อมกับประกาศให้รีบเอาคืน ถ้าอยากให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเกาะลิบงอีก พร้อมติดแฮชแท็กคนเกาะลิบงขี้ขโมย ใครจะไปเที่ยว และประกาศจะทำป้ายไปปิดประกาศ ไม่ให้คนไปเที่ยวไว้ที่ท่าเรือหาดยาว และประกาศให้คนแชร์โพสต์ไปให้เยอะๆ เพื่อเป็นการประณาม ทั้งนี้ หลังมีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและกล่าวประณามคนเกาะลิบงแบบเหมารวม และวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบ และแชร์ไปเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด นายอุเทน คำนวณศิลป์ ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของรีสอร์ต์ ซึ่งเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้เข้าไปทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการรีสอร์ต โดยนายอุเทนให้นายนพดล คำนวณศิลป์ อายุ 30 ปี ลูกชายเป็นคนเข้าไปดูแลรับผิดชอบรีสอร์ต ชื่อ ลิบง ซันเซท บีชรีสอร์ต พร้อมด้วยนายอานนท์ วรพิทักษ์นนท์ ทนายความ และนายอ่าสาน คนขยัน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.เกาะลิบง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของรีสอร์ตดังกล่าว ร่วมกันถึงเรื่องดังกล่าวว่าจากข้อความดังกล่าวกำลังสร้างความไม่พอใจให้แก่พี่น้องชาวเกาะลิบงเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงคนเกาะลิบง กล่าวหาอย่างรุนแรง และเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะลิบง ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงของจ.ตรัง และคนรู้จัก พะยูนน้อยมาเรียม ทำให้คนเกาะลิบงต้องการจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเพอร์กับผู้โพสต์ดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในการกล่าวหาคนทั้งเกาะ
ข่าวน่าสนใจ:
โดยนายอุเทน และนายอานนท์ ทนายความ กล่าวว่า คนโพสต์และเพื่อน ๆ รวมประมาณ 7-9 คน เขาพักที่รีสอร์ตในวันที่ 3 มกราคม และเช็คเอ้าต์ออกไปโดยนำกุญแจมาคืนที่สำนักงานในเวลาประมาณ 11.50 น.ของวันที่ 4 มกราคม จากนั้นก็ออกไปจากรีสอร์ต จนกระทั่งหายไปประมาณ 2 ชม.โดยในเวลาประมาณ 14.00 น.คนโพสต์ได้ย้อนกลับมาที่รีสอร์ต โดยมาสอบถามและแจ้งว่าสร้อยคอน้ำหนัก 4.5 บาท และเงินจำนวน 2,000 บาท หายไป ขอให้ทางโรงแรมรับผิดชอบ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว ก็น่าสงสัย ทรัพย์สินมีค่าสูญหายก็ควรจะทราบตั้งแต่ตอนเก็บของ เพราะเป็นของสำคัญ แต่มาแจ้งทีหลัง ถือว่าเป็นพิรุธ แต่ต้องขอให้ตำรวจเป็นฝ่ายพิสูจน์ และตนเองก็ได้สอบถามจากลูกน้องคนที่ดูแลห้องพักว่าตอนที่เข้าไปทำความสะอาด พบเจอสร้อยและเงินหรือไม่ ไม่มีใครเห็น จากนั้นลูกชายของตนเอง ซึ่งดูแลรีสอร์ต ก็ได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานที่ สภ.กันตัง และต่อมาคนที่อ้างว่าสร้อยและเงินหาย ก็ได้เข้าแจ้งความเช่นกัน จากนั้นตำรวจลงไปเก็บหลักฐาน จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สร้อยคอ และเงินดังกล่าว หายจริงหรือไม่ หรือหายที่ไหน หายอย่างไร แต่ส่วนตัวยืนยันได้ว่าพนักงานของรีสอร์ต์ทุกคน ซึ่งเราดำเนินการกิจการมานานหลายปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องลักษณะนี้ จึงต้องรอให้ทางตำรวจดำเนินการพิสูจน์ทราบต่อไป แต่ในที่นี้ มีการโพสต์ข้อความทำลายชื่อเสียงของเกาะลิบง ของรีสอร์ท โดยเฉพาะทำลายชื่อเสียงคนเกาะลิบงทั้งเกาะ ตัวแทนชาวเกาะลิบงเตรียมจะเข้าแจ้งความเอาผิดคนโพสต์และคนร่วมแสดงความคิดเห็นในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในวันพรุ่งนี้ ที่ สภ.กันตัง ส่วนของรีสอร์ต ขณะนี้ทางทนายกำลังรวบรวมหลักฐานจากเฟซบุ๊กและทุกช่องทาง เพื่อเตรียมแจ้งเจ้าของรีสอร์ตตัวจริง ซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ และเป็นคนมีชื่อเสียง เพื่อจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันต่อไปด้วย
ทางด้านนายอ่าสาน คนขยัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ก็กล่าววว่า การกระทำดังกล่าวของคนโพสต์ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ไม่สมควรจะเหมารวมคนเกาะลิบงทั้งเกาะ ถ้าจะว่าใครเป็นโจรก็ว่าเป็นคน ๆไป ไม่ใช่มาเหมารวมว่าคนเกาะลิบงเป็นโจร เป็นการทำลายชื่อเสียงคนทั้งเกาะ ทำลายการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้คนเกาะลิบงไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงจะเข้าแจ้งความเอาผิดในวันพรุ่งนี้ข้อหา หมิ่นประมาท และจะยิ่งเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หากผลพิสูจน์ออกมาชัดในภายหลังอีกว่าไม่เป็นความจริง เพราะเท่ากับมาใส่ความและมาหมิ่นประมาท ทำลายชื่อเสียงคนเกาะลิยง ทำลายการท่องเที่ยวของเกาะ ยืนยันจะยิ่งเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: