ไมเคิล ฮีธ อุปทูต รักษาการแทนเอกคราชทูต หน่วยงานสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยก่อนเปิดโครงการ IVIP ที่ จ.ตรัง ระบุสหรัฐฯกำลังกดดันให้เกิดประชาธิปไตยในพม่าโดยเร็ว และไม่แปลกใจ ที่พม่าจะประกาศจุดยืน หนุน รัสเซีย เพราะเป็นเผด็จการเหมือนกัน
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 65 นายไมเคิล ฮีธ อุปทูต คณะทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เปิดโครงการ IVIP ที่โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ตรัง และมาเยี่ยมจังหวัดตรังตั้งแต่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2565
นายไมเคิล ฮีธ อุปทูต รักษาการแทนเอกคราชทูต หน่วยงานสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กล่าวว่า “ แน่นอนว่าทางสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ไม่มีประเทศที่มีอารยธรรมไหนที่เห็นด้วยต่อการกระทำดังกล่าว เพราะมีการล้มล้างประชาธิปไตย ทำให้ระบอบประชาธิปไตยสูญหายไป ดังนั้นตนอยากเห็นทูตพิเศษที่เข้าถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเมียนมามากขึ้น แม้กระทั่งพรรคฝ่ายตรงกันข้าม หรือ นางออง ซาน ซูจี ทางสหรัฐมีการเฝ้าติดตามชายแดนระหว่างเมียนมาและไทยมาโดยตลอด เพราะมีเส้นแนวชายแดนยาวถึง 2,400 กม. สิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมาย่อมส่งผลกระทบต่อไทยเช่นเดียวกัน เพราะมีผู้อพยพจากเมียนมาเข้ามาไทย มีผู้คนพลัดถิ่นที่มาทางไทยมากขึ้น เราต้องดูแลทางด้านสิทธิมนุษยธรรม เรื่องโควิด 19 ที่ทางเราต้องช่วยเหลือระหว่างแนวชายแดนทั้งสองฝั่ง
และสหรัฐอเมริกาได้พยายามสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลทหารของเมียนมาต่อไป พยายามให้เขาเร่งฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยกลับมาโดยต้องประสานกับพันธมิตรในอาเซียนด้วย อยากเห็นเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ที่ได้ตกลงกันไว้ และนโยบายความเป็นแกนกลางอาเซียนยังคงเป็นนโยบายหลักของการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา อยากเห็นรัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ และเปิดรับทูตพิเศษที่จะเข้าในเมียนมา
ตนไม่อยากพยากรณ์หรือคาดเดา ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ตนให้การสนับสนุนการประชุมอาเซียนเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มีการไม่รวมเจ้าหน้าที่เป็นนักการเมืองการระดับสูงที่มาจากเมียนมา ตนไม่สามารถแจ้งอะไรได้ในอนาคต อย่างน้อยสหรัฐจะเน้นการแก้ปัญหาต่าง ๆ ภายในอาเซียน
ตนไม่ได้ประหลาดใจในกับเหตุการณ์ เมียนมามีท่าทีสนับสนุนการดำเนินการของรัสเซีย เพราะว่าเป็นเผด็จการทหาร ระบบเผด็จการก็ย่อมสนับสนุนระบอบเผด็จการด้วยกัน ไม่มีการใครเห็นด้วยต่อการกระทำที่ป่าเถื่อน และรวมทั้งการที่รัสเซียเข้าไปล่วงละเมิดอธิปไตยของประเทศหนึ่ง ที่มีการปกครองที่เป็นอิสระของตนเอง แน่นอนอยากให้ทุกคนทั่วโลกยืนหยัดเคารพอธิปไตยของกันและกัน แน่นอน ย่อมไม่ได้ประหลาดใจ ที่รัฐบาลเมียนมาไม่ได้มีท่าทีคัดค้านต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ในขณะเดียวกับสิ่งที่เกิดกับในเมียนมา แน่นอนว่ามีลักษณะที่คล้ายคลึงกันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรยอมรับเพราะเป็นการละเมิดอธิปไตย และกฎหมายระหว่างประเทศ แน่นอนการที่เมียนมาจะกลับมามีประชาธิปไตยอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแต่ว่าเมียนมาเขาเลือกข้างกับประเทศอื่นหรือไม่ แต่รัฐบาลคนกลาง หรือ รัฐบาลทหารเองที่ต้อง ควบคุมสถานการณ์ในประเทศ และตามชายแดนด้วย เพราะทุกวันนี้เขาไม่สามารถควบคุมความรุนแรงในประเทศของเขา และความรุนแรงยกระดับเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลทหารเมียนาต้องดำเนินการให้มากขึ้น ที่จะยับยั้งชั่งใจ ระมัดระวังไม่ให้ไปทำร้ายผู้คนในประเทศและแนวชายแดน”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: