ตรัง ร้องอนุทิน สอบสาเหตุแม่รักษาไตแต่ติดโควิดตาย ลูกเชื่อแม่ติดจากรพ. สสจ.ตรังพิจารณาเยียวตามมาตรา 41
วันที่ 7 มีนาคม 2565 จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 ม.5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ป่วยเป็นโรคไตและเกาท์ เป็นผู้ป่วยติดเตียงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เครือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ.ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาว ตนเองขอกลับบ้านและมาทราบ ซึ่งในระหว่างนั้นก็รู้สึกไม่สบายตัวก็ได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 พบติดเชื้อโควิด 19 และมั่นใจว่าติดเชื้อโควิดมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน ขณะที่เฝ้าดูแลแม่ตนเองไม่ได้ไปไหนต้องระมัดระวังแต่ก็ยังติดเชื้อ ซึ่งโดยปกติแล้วญาติๆ ที่เฝ้าทุกคนต้องผ่านการสวอปก่อนจะที่ขึ้นตึกเฝ้าไข้ผู้ป่วยได้ ส่วนพี่สาวที่มาช่วยเฝ้าไข้ได้ทำการสวอปแต่ผลเป็นลบ ในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไตกลับติดโควิด ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัวและพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนตนเองรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 15 วัน โดยลูกๆ ติดใจแม่ป่วยโรคไตรักษาตัวในรพ.แต่กลับติดเชื้อโควิด-19 ลงปอดเสียชีวิต ด้านนายแพทย์สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง เผยเตรียมประสานเข้าพูดคุยกับญาติ แจงข้อเท็จจริง และในส่วนเรื่องของการเยียวยาเนื่องจากว่าทางกระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ก็จะทำการพูดคุยกับญาติต่อไป เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย
คืบล่าสุดวันนี้ (7 มี.ค) นางจิตราภรณ์ เครือกล่อม อายุ 56 ปี เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผ่านนายแพทย์ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง
ขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณี การติดเชื้อโควิค 19 ของนางประจบ เป้าทอง ผู้เป็นมารดา ระหว่างเข้ารักษาโรคไตและเก๊าท์ ที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 จนถึง วันที่ 26 กุมภาพันธ์ แต่กลับมาเสียชีวิตจากปอดติดเชื้อโควิด 19 ทั้งที่ก่อนเข้าการรักษา ไม่ได้ติดเชื้อโควิด19 แต่อย่างใด อีกทั้งทางโรงพยาบาลได้มีการตรวจATK ทั้งมารดาและนางจิตราภรณ์โดยไม่พบเชื้อโควิด 19 ครอบครัวจึงติดใจ สงสัยถึงสาเหตุการติดเชื้อโควิด19 จนทำให้มารดาเสียชีวิต ว่าติดภายในโรงพยาบาล ระหว่างการรับบริการทางการแพทย์หรือไม่ โดยทางโรงพยาบาลไม่สามารถระบุสาเหตุการติดเชื้อได้อย่างแน่ชัด ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง ออกมาระบุเพียงว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งอาจเป็นการรับเชื้อมาจากบุคลากรโรงพยาบาลหรือญาติก็ได้ และไม่มีระเบียบบรรเทาเยียวยากรณีที่เกิดขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง-พาณิชย์จังหวัดลงตรวจสอบราคาน้ำมันปาล์มขวด
- ตรัง บุกเดี่ยวร้านทองชิงสร้อยคอหนีสุดท้ายถูกรวบทันควัน
- ตรัง ศิษย์เก่าใจบุญมอบทุน-คอมพิวเตอร์ หนุนโรงเรียนวัดตรังหลังทีมกีฬาคว้า 7 เหรียญระดับปท.
- ปชน.ตรัง จัดรำลึกลุงนวมทอง เร่งขยายฐานสมาชิกให้ครบแสนคน ตรังพุ่ง 300 คนแล้ว รอตั้งสาขาพรรค ลั่น กวาดเก้าอี้ส.ส.เขตรอบหน้า
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความกระจ่าง จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาสั่งการให้มีการสอบสวนถึงสาเหตุ การติดเชื้อโควิด 19 ของมารดา โดยอ้างอิงหลักฐานเป็นที่ยอมรับตลอดจนสอบสวน ผู้รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งระเบียบกฎเกณฑ์การบรรเทาเยียวยาที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งทางนายแพทย์ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้รับมอบหนังสือ และได้เข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น โดยมีนิติกรและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเยียวยา ผลกระทบจากการรับบริการ สาธารณสุข ตามพ.ร.บ. มาตรา 41 ว่าด้วยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามข้อมูลอย่างละเอียด อาทิ วันเวลาตั้งแต่ เริ่มเข้ารักษาพยาบาลและไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การแจ้งผลตรวจพบเชื้อของมารดา การย้ายผู้ป่วยเข้ารักษาในวอร์ดปกติไปวอร์ดโควิด กระทั่งการแจ้งเสียชีวิต เพื่อใช้ประกอบการสอบสวน
ในส่วนของการเยียวยา ทางเจ้าหน้าที่ให้เขียนคำร้องขอรับพิจารณาการเยียวยาตามมาตรา 41 โดยนางจิตราภรณ์ ยืนยันว่าติดใจสาเหตุของการติดเชื้อและเชื่อว่ามารดารับเชื้อขณะรักษาที่โรงพยาบาลตรัง
ด้านนายแพทย์ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง บอกว่า ตอนนี้จะให้ทางนิติกรสำนักงาน ดำเนินการหาข้อเท็จจริงจากโรงพยาบาลตรังว่าเกิดอะไรขึ้น และอีกทางหนึ่งให้กลุ่มงานประกันของสำนักงาน ให้ไปดูเรื่องของสิทธิในการเยียวยาตามมาตรา41 ของสปสช. ในส่วนของหนังสือ ที่นางจิตราภรณ์จะให้ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็จะส่งต่อไปให้จนถึงมือท่านรัฐมนตรี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: