ตรัง – ครอบครัวร้องลูกชายเสียชีวิตที่ อ.รัษฎา ผ่านมา 3 ปีกว่าคดีไม่คืบ ขณะที่ศพยังคงเก็บไว้รอความเป็นธรรม ประกาศหมดความอดทน เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯติดตามเร่งรัดคดีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่คืบหน้าเตรียมแห่ศพเข้ากรุง เรียกร้องความเป็นธรรม เพราะไม่เชื่อตายจากอุบัติเหตุ
ที่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 9 ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง นายปฐมภพ นมจันทร์ อายุ 59 ปี (น้าชาย) พร้อมด้วยนางเครือวัลย์ สิทคชวัน อายุ 60 ปี (แม่) พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ร้องต่อสื่อ หลังผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี กรณีคดีที่นายธนวิชญ์ หรือหมู สิทคชวัน อายุ 24 ปี หลานชาย (นายปฐมภพ) และลูกชาย (นางเครือวัลย์) ที่เสียชีวิต บริเวณคลองสาธารณะเขื่อนด่านสาย หลังบ้านพักประมาณ 350 เมตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 หรือผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี โดยทางตำรวจ สภ.รัษฎา และแพทย์เวรโรงพยาบาลรัษฎา ระบุสาเหตุการตายว่า ตายโดยผิดธรรมชาติ ตายโดยอุบัติเหตุ (ไฟฟ้าช็อต) แต่ในขณะที่ทางครอบครัวและญาติๆต่างติดใจในสาเหตุการตาย โดยปักใจเชื่อว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือถูกฆ่าตาย ทั้งนี้ ตลอดระยะกว่า 3 ปี ที่ผ่านมา ได้พยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางตำรวจ สภ.รัษฎา ,กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ,อัยการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้น ,ร้องต่อ ปปช.จังหวัดตรัง, กระทรวงยุติธรรม พร้อมกับส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) ร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และเข้าร้องกองปราบปราม เพื่อขอให้รับโอนย้ายคดีไปที่กองปราบปราม แต่ผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี ทางครอบครัวระบุคดียังไม่คืบหน้า และศพก็ยังไม่ได้เผา ยังคงเก็บไว้รอทางเจ้าหน้าที่ทำงานคลี่คลายคดีและติดตามคนร้ายมาลงโทษ เพราะเชื่อว่าลูกชาย /หลานชาย ถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน และในปี 2565 ทางครอบครัวเริ่มเดินหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอีกครั้ง ไปยังหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกหลายองค์กร ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น เข้าร้องเรียนกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้าร้องต่อคณะกรรมาธิการสมาชิกวุฒิสภา และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งให้ช่วยเร่งรัดคดีความ รวมทั้งร้องเรียนเอาผิดการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยให้คดีล่าช้าว่าเข้าข่ายกระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหรือไม่
โดยทางครอบครัวนำผู้สื่อข่าวดูสภาพพื้นที่บริเวณหลังบ้านจุดเกิดเหตุอีกครั้งที่ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่มาปลูกยางพาราแล้ว จากเดิมเคยเป็นพื้นที่ปลูกผัก โดยนำชี้จุดเกิดเหตุอีกครั้งว่า ผู้ตายนอนเสียชีวิตริมคลอง ซึ่งหากถูกไฟฟ้าช็อตจะต้องถูกดูดติดกับเสา ไม่น่าจะใช่ลักษณะถูกผลักออก จึงเชื่อว่าจะต้องถูกฆาตรกรรม โดยมีผู้ต้องสงสัยที่เคยมีปัญหากับหลานชาย ซึ่งได้บอกตำรวจไปบอกแล้ว แต่คดีไม่คืบ
ข่าวน่าสนใจ:
- "ตรังโมเดล" โกโก้สร้างรายได้ให้เกษตรกร กิโลกรัมละ 8 บาท ภาคเกษตร-เอกชนร่วมมือเปิดจุดรับซื้อ 11 แห่ง
- ตรัง แม่ค้าร้านดังถูกหลอก อ้างเป็นเลขานายกฯสั่งข้าวกล่องช่วยน้ำท่วมสูญเงิน 3 พัน
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
จากนั้น นายปฐมภพ นมจันทร์ น้าชาย นำหลักฐานหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ แต่คดีไม่คืบ และเอกสารสำคัญผลการผ่าพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลสงขลานครินทร์หาดใหญ่ มาให้ดู โดยระบุว่าผลตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการและจุลพยาธิวิทยา รพ.สงขลานครินทร์ ระบุสาเหตุการตายว่า หลานชายสมองได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกกับวัตถุของแข็ง ไม่มีคม แต่ไม่พบเลือดออกในเนื้อสมองหรือสมองช้ำ และผิวหนังบริเวณแผ่นหลังปกติ และไม่พบร่องรอยการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพจากไฟฟ้าช็อต ซึ่งเท่ากับยืนยันด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าหลานชายไม่ได้ตายเพราะถูกไฟฟ้าช็อตอย่างแน่นอน ทำให้ทางครอบครัวต้องเรียกร้องกับทางตำรวจให้ทำคดีให้รอบคอบ เพราะหากสรุปว่าตายโดยผิดธรรมชาติ ตายโดยอุบัติเหตุ (ไฟฟ้าช็อต) ทางครอบครัวรับไม่ได้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่เผาศพหลานชาย ยังรอความเป็นธรรม พร้อมระบุที่ผ่านมาไปร้องกับผู้ว่าฯขอให้ทางตำรวจรับเป็นคดีอาญา เพื่อจะได้เรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ และในขณะเกิดเหตุทางตำรวจไม่ได้นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ ทำให้ขาดพยานหลักฐานอย่างละเอียด ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติในการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยทางตำรวจร้องขอให้นำผลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มายืนยัน ทางครอบครัวก็นำมายืนยัน และร้องขอให้โอนไปคดีไปที่กองปราบปราม ตามที่ได้ไปยื่นเรื่องต่อกองปราบไว้ และทราบว่าทางกองปราบรับคดีไปทำแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 แต่ทางครอบครัวรอมาจนถึงขณะนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า ในสัปดาห์นี้จึงจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯอีกครั้งไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จเรตำรวจ กองปราบปราม และหน่วยงานต่างๆ ที่เคยร้องเรียนไว้ เพื่อติดตามทวงถามการทำงาน
ทั้งนี้ หากไปติดตามทวงถามแล้ว คดีไม่คืบ หรือไม่มีคำตอบให้ก็จะไม่ทนอีกต่อไป เพราะทนมาแล้วกว่า 3 ปี ทนจนแม่ของผู้ตายขณะนี้มีอาการป่วยทางจิตและพยายามผูกคอตาย แต่มีคนช่วยไว้ได้ จึงจะเดินหน้าแห่ศพเข้ากรุงเทพฯไปประท้วงที่หน้าหน่วยงานบังคับบัญชา หรือไปวางประท้วงไว้ที่หน่วยงานใด จะหารือกับญาติต่อไป แต่ต้องเป็นหน่วยงานระดับบังคับบัญชาที่กรุงเทพฯเท่านั้น เพราะขณะนี้เรื่องทั้งหมดเลยผ่านระดับจังหวัดไปแล้ว นอกจากนั้นขณะนี้ได้รับความช่วยเหลือจากเพจนักรบด่านเถื่อน หรือจากนาย เกรียงไกร ไทยอ่อน ประธานศูนย์ช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และนาวาอากาศโทโสภณ สำเภาเทศ ฝ่ายกฏหมาย นักรบด่านเถื่อน เป็นผู้ช่วยเหลือนำไปติดตามเร่งรัดคดีที่หน่วยงานต่างๆในกรุงเทพฯด้วย
เช่นเดียวกับญาติๆ คนอื่นๆ ก็ร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายคดี และเชื่อว่าหลานชายถูกฆาตกรรม ไม่ใช่ถูกของแข็งกระแทกจากการถูกไฟฟ้าช็อตอย่างแน่นอน หากไม่คืบหน้าก็พร้อมจะนำศพเข้ากรุงไปเรียกร้องความเป็นธรรมที่กรุงเทพฯ
จากนั้นทางครอบครัวได้นำผู้สื่อข่าวไปดูที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ตรัง เพื่อยืนยันว่าศพของนายธนวิชญ์ หรือหมู สิทคชวัน ยังคงเก็บรักษาไว้รอจนกว่าทางเจ้าหน้าที่จะทำคดีให้เป็นที่พอใจของครอบครัว และยืนยันหากไม่คืบหน้าจะนำศพเข้ากรุงเทพฯไปวางประท้วงที่หน่วยงานรับผิดชอบต่อไป ซึ่งเบื้องต้น คาดว่าน่าจะเป็นหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะต้องหารือกันหลังกลับจากการเดินทางไปติดตามทวงถามในสัปดาห์นี้
ทางด้าน พ.ต.อ.ปรีดี นาคช่วย ผู้กำกับการ สภ.รัษฎา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ทางตำรวจสภ.รัษฎา ได้โอนคดีไปให้กองปราบปรามรับไปทำแล้วตั้งแต่ปี 2563 ตามความประสงค์ของญาติ หลังจากที่ทางตำรวจทำเรื่องการชันสูตรจบแล้ว โดยทางครอบครัวเข้าร้องเรียนกองปราบปราม และเข้าร้องเรียนผู้ว่าฯ และทางผู้ว่าฯได้เรียกหน่วยงานต่างๆเข้าหารือ โดยผู้ว่าฯเห็นชอบให้รับเป็นคดีอาญา และโอนคดีไปให้กองปราบปรามทำ ตามที่ญาติร้องขอ ซึ่งเมื่อทางสภ.รัษฎา ได้ทำเรื่องชันสูตรแล้วเสร็จก็โอนคดีไปให้กองปราบปรามทันที ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของกองปราบปราม โดยทางกองปราบปรามจะดำเนินคดีใครหรือไม่ หรือเรียกใครสอบแล้วหรือไม่ เห็นพ้องกับสำนวนเดิมของสภ.รัษฎาหรือไม่ ทางสภ.รัษฎาไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของกองปราบปราม หากจะต้องติดตามความคืบหน้าของคดีก็ต้องไปติดตามที่กองปราบปรามเท่านั้น เพราะทางท้องที่ไม่ทราบความเคลื่อนไหวของคดีแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: