ตรัง ที่พึ่งสุดท้าย ชาวบ้านตำบลวังวน อ.กันตัง เดินทางเข้ากรุงฯ มุ่งสำนักพระราชวัง ถวายฎีกา ขอพึ่งพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังยายวัย 86 ปี เรียกร้องที่ดินคืนจากกรมที่ดินจนตาย แต่เรื่องยังไม่คืบ เชื่ออาจมีเอี่ยวกับนายทุนรับผลประโยชน์จากสวนปาล์มน้ำมันเนื้อที่กว่า 600 ไร่ โดยแต่ละปีมีรายได้มหาศาลจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพราะราคาปาล์มน้ำมันราคาพุ่ง ขณะที่เจ้าของที่ดินเดิมทั้ง 11 แปลงไม่มีที่ดินทำกิน โดยลูกสาวคนโตสะอื้นก่อนพากันเดินทางเข้ากรุงฯ เข้ายื่นถวายฎีกา ขอพึ่งพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่พึ่งสุดท้ายของครอบครัวตามคำสั่งเสียของแม่
นายโชติพัฒน์ หวังบริสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.วังวน อ.กันตัง พร้อมลูกหลานคุณยายหนอ นำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีมาชูเหนือเกล้าก่อนเดินทางเข้ากรุงฯ มุ่งหน้าสำนักพระราชวัง เพื่อถวายฎีกา พร้อมกับกล่าวว่า หลังกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่ยอมดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 ก.ทั้ง 11 ฉบับ เนื้อที่กว่า 608 ไร่ ออกจากสารบบที่ดิน ตามมติ กบร.จ.ตรัง ตั้งแต่ปี 2560 และกรมที่ดินมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตามมาตรา 61 จำนวน 8 ฉบับ เนื้อที่ 428 ไร่ และคณะกรรมการตามมาตรา 61 มีความเห็นตั้งแต่ปี 2563 ให้เพิกถอนทั้ง 8 ฉบับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ดำเนินการเพิกถอน ส่วนอีก 3 แปลง ก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่ม มองว่าอาจจะเป็นการช่วยเหลือนายทุนที่ครอบครองที่ดินทำสวนปาล์มน้ำมันเก็บผลประโยชน์ปีละมหาศาล เนื่องจากขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันพุ่งกิโลกรัมละกว่า 12 บาทแล้ว ขณะที่ชาวบ้านเจ้าของที่ดินตัวจริงไม่มีสิทธิเข้าไปทำกิน และยังสร้างความเสียหายต่อรัฐ โดยการต่อสู้เรียกร้องของชาวบ้านผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปี
จนล่าสุด นางหนอ เบ็ญฤทธิ์ คุณยายวัย 86 ปี เจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งมีเพียงผืนเดียวและเป็นผืนสุดท้ายที่รับเป็นมรดกตกทอด รวมเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งหวังเป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลานได้มีที่อยู่ที่กิน เคยออกมาร่ำไห้เรียกร้องที่ดินคืนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 รอไม่ไหวเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิต ก็พยายามสั่งเสียลูกๆ หลานๆ ให้เอาที่ดินกลับมาแบ่งกันให้ลูกหลานทั้ง 7 คนให้ได้ เช่นเดียวกับชาวบ้านรายอื่นๆ รวมทั้ง 11 แปลง ได้ร่วมลงนามยื่นเรื่องถวายฎีกาเช่นเดียวกัน หวังพึ่งพระบารมี โดยนอกจากจะเข้ายื่นถวายฎีกาแล้ว จะเข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วย เพื่อให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับที่ดินดังกล่าว เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชน
ทั้งนี้ ทุกอย่างผ่านมาอย่างล่าช้า ล่าสุด เคยยื่นหนังสือต่อนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อถูกนายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ยื่นกระทู้ถามความคืบหน้าในสภา ได้รับคำตอบว่าไม่เคยได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน
ขณะที่ชาวบ้านเจ้าของที่ดินตัวจริง ไม่มีที่ดินทำกิน ทุกคนจึงหวังพึ่งพระบารมี คิดว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายของราษฎรที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักขณะนี้ ทั้งนี้ เจ้าของที่ดินบางแปลง หลังเสียที่ดินและบ้าน ให้นายทุนไปครอบครองและถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินของตนเอง เกิดอาการทุกข์ใจอย่างหนัก จนล้มป่วย และเกิดอาการทางจิตประสาทตามมา ซึ่งที่ดินทั้ง 11 แปลงดังกล่าว ชาวบ้านเป็นเจ้าของที่ดินถือครองเอกสิทธิ์ส.ค.1 เป็นหลักฐาน เนื้อที่รวมกันเพียง 100 ไร่เศษ กระจายอยู่ในหลายหมู่บ้านใน ต.วังวน ทั้งหมดเป็นที่ดินมรดกตกทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ต่อมาในปี 2533 ถูกเจ้าพนักงานที่ดินร่วมกับพวก ทุจริตนำส.ค.1 ทั้ง 11 ฉบับ ซึ่งมีเนื้อที่รวมกันแค่ประมาณ 100 ไร่ดังกล่าว นำไปออกเป็นน.ส. 3 ก.ซึ่งทั้งบิน และบวม รวมเป็นแปลงใหญ่แปลงเดียวกันในพื้นที่หมู่ 5 ต.วังวน เนื้อที่รวมกว่า 608 ไร่ ไปขายให้แก่นายทุนเป็นทอดๆ โดยนายทุนคนถือครองปัจจุบัน ซื้อต่อมาจากกรมบังคับคดีอีกทอดหนึ่ง ซึ่งอาจไม่มีส่วนรู้เห็นกับการออก น.ส.3 ก.ดังกล่าว ทั้งนี้ เฉพาะที่ดินของคุณยายหนอ ตั้งอยู่พื้นที่หมู่4 ต.วังวน ตามหลักฐาน ส.ค.1 มีจำนวน 2 ไร่ แต่บินถูกนำไปออกเป็น น.ส 3 ก ในพื้นที่หมู่ 5 ต.วังวน เนื้อที่รวม 55 ไร่ 90 ตารางวา
ทางด้านนางหนาบฉะ เป้าทอง อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของคุณยายหนอกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ตลอดชีวิตของแม่เป็นทุกข์มากที่สุดที่ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดิน เอาที่ ส.ค.1 ไปออก น.ส.3 ก.ขายให้นายทุน และพยายามเรียกร้องขอที่ดินคืนมาโดยตลอด เพราะเป็นที่ดินผืนเดียวเท่านั้นที่จะให้ลูกหลานได้อยู่อาศัย ในระหว่างที่ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนเสียชีวิตก็ยังมีห่วง เป็นทุกข์ว่าที่ดินยังอยู่กับคนอื่น จะเอามาได้อย่างไร และห่วงไม่ทราบวันไหนจะมีคนมาทำร้ายลูกหลานที่เรียกร้องที่ดิน โดยสอบถามและพยายามสั่งเสียทุกวันทุกคืนเมื่อเห็นหน้าลูกหลาน ขอให้เอาที่ดินคืนมาให้ได้ และเอามาแบ่งกันในพี่ๆ น้องๆ ลูกๆ หลาน ( เฉพาะลูกคุณยายหนอมี 7 คน ) ขนาดป่วยหนัก ก็ยังสั่งเสียว่า ถ้าได้ที่ดินคืนมา ขอลูกหลานอย่าทะเลาะ อย่าแย่งกัน ขอให้แบ่งกันคนละเล็กละน้อย ให้ได้อยู่กัน และขอให้เอาที่ดินคืนมาให้ได้ ซึ่งตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ก็บอกว่า ถ้าไม่ได้คืน ที่พึ่งสุดท้ายขอให้ไปถวายฎีกา ขอพระบารมีองค์ในหลวงช่วยเหลือ เชื่อว่าจะได้ที่ดินกลับคืนมา ในครั้งนี้จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นถวายฎีกาขอพึ่งพระบารมีตามคำสั่งเสียของแม่ พร้อมกับเจ้าของที่ดินรายอื่นๆ รวม 11 แปลง
้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: