หลังผู้ว่าฯตรังสั่งปราบบ่อทรายเถื่อน กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นเหิมเกริม ส่งจดหมายเรียกค่าคุ้มครองเจ้าของบ่อทรายบัวบก ซึ่งเป็นบ่อทรายถูกกฎหมาย 1.5 ล้านบาท แลกกับความปลอดภัยในชีวิตคนในครอบครัว และ ทรัพย์สิน ตำรวจซ้อนแผนตะครุบตัวไว้ได้
วันที่ 16 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองตรัง พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.ได้รับการร้องทุกข์จากนายชำนาญ ลีลาโกสิทธิ์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ่อทายบัวบก ว่ามีคนร้ายไม่ทราบเป็นใครได้นำซองจดหมายขนาดใหญ่สีน้ำตาลมาส่งไว้ที่ประตูหน้าบ้านถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง พบซองจดหมายเช้าวันที่ 15 มิถุนายน 2565
เมื่อเปิดซองจดหมายออกมาพบจดหมาย เขียนถึงนายชำนาญ(หรือสร้าง)และนางยี่ เจ้าของท่าทรายบัวบก หรือบริษัทบัวบก 111 จำกัด จากกลุ่ม้เรียกค่าคุ้มครองเขาบรรทัด โดยคนร้ายให้ทำตามเงื่อนไขดังนี้ “1ให้นายชำนาญ เตรียมเงิน 1,500,000.บาท ใส่ถุงดำแล้วค่อยนัดแนะตามวันเวลาสถานที่กำหนด โดยให้ใช้รถคันสีขาวตามในรูปเท่านั้น 2.ให้รับรู้เรื่องนี้แค่ 2 คนตามที่ระบุชื่อเท่านั้น 3.ให้ทำตามคำสั่งโดยไม่มีข้อตุกติก หากตุกติกนิดเดียว บุคคลในครอบครัวจะมีอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งทรัพย์สินและธุรกิจจะได้รับความเสียหาย 4.หากคุณทำตามทุกข้อโดยไม่ตุกติกจะไม่มีการสูญเสียหรือตายเกิดขึ้นในครอบครัวคุณ
จะนัดแนะวันเวลาสถานที่อีกที หวังว่าคุณคงไม่เอาชีวิต ลูกเมีย แม่และธุรกิจมาเสี่ยงกับความตาย หากทำตามจะไม่เกิดปัญหาใด ๆ
หมายเหตุ..คุณมีโอกาสตัดสินใจเพียงครั้งเดียว ให้นึกถึงลูกชายเพียงคนเดียวที่จะสืบทอดทรัพย์สิน ธุรกิจและวงศ์ตระกูลให้มาก”
ในซองจดหมายมีกระสุนปืนที่ยังใช้งานได้ 1 นัด พร้อมภาพถ่ายของนายชำนาญขณะอุ้มลูก ที่หน้าบ้านและไปส่งลูกที่โรงเรียนมีด้วยกัน 8 รูป
หลังอ่านจดหมายจึงแจ้งพ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรังทราบ มาตรวจสอบจดหมาย ซึ่งทางผู้กำกับฯได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในบังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่ และรายงาน พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง ซึ่งผู้บังคับการได้สั่งการ พ.ต.อ.สิทธินันท์ สังฆพันธ์ รองผบก.ภ.จว.ตรัง มาเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรตรัง ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองตรัง และตำรวจชุดสืบสวนกองปราบปรามกอง 6 แบ่งหน้าที่ในการทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะเป็นคดีที่มีความสำคัญในเรื่องการเรียกค่าคุ้มครองประชาชนผู้สุจริต
ตำรวจได้ใช้เวลาทำการสืบสวนสอบสวนจนพอทราบกลุ่มคนร้ายแล้ว อีกทั้งทางคนร้ายได้นัดแนะเหยื่อคือเจ้าของบ่อทรายให้นำเงินจำนวน 1.5 ล้านบาทมาให้ตามทีนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงซ้อนแผนให้เจ้าของบ่อทรายนำเงินสดใส่ถุงดำไปวางตามที่คนร้ายนัดแนะ ที่บริเวณถนนบายพาส 419 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ตรงข้ามสำนักสงฆ์เกตุแก้ว เมื่อคนร้ายเห็นผู้เสียหายขับรถเบนซ์สีดำ วางถุงเงิน 1.5ล้านบาท คน 1 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มาแล้วเอาถุงเงินไปให้กับคนร้ายอีกคนขับรถเก๋งสีน้ำเงินเมื่อได้เงินขับรถเบี่ยงหลบหนีไปยังถนนนาตาล่วง-บ้านโพธิ์ ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดตรังยำโดย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรตรัง ตำรวจชุดสืบสวนภูธรเมืองตรัง ตำรวจชุดกองปราบปราม พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.กอง 6 กองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ตรัง เข้าทำการจับคนร้ายทันที ผู้ต้องหาพร้อมของกลางเงินสด 1.5 ล้านบาทไว้ได้ คนร้ายชื่อนายวีรวัฒน์ คงสุทรู้ อายุ 40 ปี อยู่ที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ให้การรับสารภาพและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นที่บ้านพักไปยึดรถยนต์ กระบะ 2 คัน รถเก๋ง 1 คัน ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ลูกซอง 1 กระบอก กระสุน 5 นัด และปืนพกสั้นบาเรตต้าขนาด 9 มม กระสุน 29 นัด และตำรวจตามจักุมนาย นนท์ เพื่อนอีกคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเอาถุงเงินแล้วพาไปให้นายวีรวัฒน์ คงสุทรู้ โดยจะได้ส่วนแบ่ง 1 แสนบาท
สาเหตุที่เลือกก่อเหตุเรียกค่าคุ้มครองจากบัวทรายบัวบก 111 นั้น เพราะมีอดีตคนขับรถบรรทุกสิบล้อคนหนึ่งที่ทำงานบ่อทราย ชื่อว่า”บ่าว”มาให้รายละเอียดเรื่องฐานะความเป็นอยู่ของเถ้าแก่ท่าทรายบัวบกว่ามีฐานะความร่ำรวย การเรียกเงิน 1.5 ล้านบาท ต้องมีเงินจ่ายแน่นอน จึงลงมือวางแผนในการเขียนจดหมายเรียกค่าคุ้มครอง จนถูกตำรวจซ้อนแผนตามจับกุมได้ในที่สุด
ในระหว่างการจับกุม พ.ต.อ.อภินันท์ กรอบเพชร รองผบก.ภ.จว.ตรัง และ พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง มาติดตามคดี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: