ตรัง นร.ปกติ และ นร.พิเศษ ร.ร.เทศบาล 6 วัดตันตยาภิรม ช่วยกันทำเมนู “ขนมโคทุเรียนบ้าน” เจ้าแรกในตรัง เพื่อสร้างความแตกต่าง แปลกใหม่ และอร่อย โดยมีจุดเด่นตรงที่ความหอมนุ่มของเนื้อแป้ง และกลิ่นทุเรียน ซึ่งโรงเรียนเทศบาล 6 ประสบความสำเร็จ สามารถจัดรูปแบบการเรียน การสอน การให้ทุกคนเรียนร่วมกันได้
โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) สังกัดเทศบาลนครตรัง ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอน ทั้งหลักสูตรแกนกลาง และหลักสูตรเพิ่มเติม โดยเฉพาะสายศิลป์อาชีพสร้างสรรค์ สาขาอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รังสรรค์เมนูน้ำพริกหมูย่างเมืองตรัง จนเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของลูกค้านั้น ล่าสุด ทางคณะผู้บริหาร ครู และนักเรียน ก็ได้ผุดไอเดียทำขนมพื้นบ้าน ขนมโคทุเรียนบ้าน ขึ้นมา เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลของทุเรียนบ้าน เพื่อให้เกิดความแตกต่าง แปลกใหม่ และอร่อย โดย นายสุภาษิต กัณฐสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) ได้ร่วมกันสนับสนุน และมี นายธนาธิป คล้ายเถาว์ ผู้ช่วยโภชนาการ ซึ่งเป็นครูผู้สอนทำอาหารและแปรรูปอาหาร เป็นผู้คิดค้นสูตรขนมโคทุเรียนบ้าน และให้บรรดากลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รวมทั้งหมด 10 คน ได้ทดลองทำด้วยตนเอง
นอกจากนักเรียนที่มีร่างกายปกติแล้ว ยังมีน้องนักเรียนที่เป็นนักเรียนพิเศษร่วมกันทำขนมโคทุเรียนบ้าน ด้วย โดยเป็นผู้บกพร่องพัฒนาการช้า ผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูด จำนวน 3 คน คือ นางสาวนพรัตน์ ศรีสุด อายุ 18 ปี ผู้บกพร่องทางการได้ยิน นางสาวอนัญญา ทองเรืองรักษ์ อายุ 19 ปี ผู้บกพร่องพัฒนาการช้า และ นางสาวจารุวรรณ ยงประเดิม อายุ 18 ปี ผู้บกพร่องทางการพูด โดยน้องๆ ทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันทำขนมอย่างขะมักเขม้น และมีความชำนาญ หรือคล่องตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งเท่ากับว่ามิได้เป็นอุปสรรคต่อความบกพร่องอย่างใดเลย แต่กลับช่วยให้นักเรียนพิเศษมีพัฒนาการไปในทางที่ดีได้อีกด้วย
โดยกลุ่มนักเรียนทั้ง 10 คน ได้สาธิตวิธีการทำขนมโคทุเรียนบ้าน เริ่มตั้งแต่การนำแป้งข้าวเหนียว มาผสมกับน้ำเปล่า ขยำให้เข้ากันดี (น้ำเติมทีละครึ่ง และค่อยๆ เติม เพื่อให้แป้งนุ่มพอดี) แล้วนำเนื้อทุเรียนบ้านใส่ลงไปนวดให้เข้ากัน และนำแป้งที่นุ่มพอดีมาใส่น้ำตาลแว่นปั้นเป็นรูปกลม จากนั้นต้มน้ำให้พอเดือด แล้วใส่ขนมโคที่ปั้นไว้แล้วลงไป เมื่อต้มจนสุกดี ตัวขนมโคก็จะลอยขึ้นมา (ข้อระวังคือ ห้ามต้มนานเกินไป แป้งอาจจะแตก แล้วน้ำตาลละลายออกมา ต่อจากนั้น ใส่มะพร้าวขูด และเกลือลงไปในชาม แล้วผสมพอเข้ากัน ก่อนนำขนมโคที่สุกดีใส่ในชามมะพร้าว แล้วเขย่าชามเบาๆ พอให้มะพร้าวติดกับขนมโค ก็ตักขึ้นเสิร์ฟได้เลย สำหรับรสชาติขนมโคทุเรียนบ้าน จะมีความหอมนุ่มของกลิ่นทุเรียน และมีเนื้อแป้งนุ่ม เมื่อเคี้ยวจะได้ความหอมหวานของน้ำตาลแว่น และความมันของมะพร้าว ทำให้รสชาติมีความกลมกล่อมเป็นอย่างมาก โดยจะขายลูกละ 2 บาท ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 075-218-542 และ 082-5159147
ข่าวน่าสนใจ:
- WDC เสริมกำลังตลาดภาคใต้ ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ขยายโชว์รูมแห่งที่ 9 จ.สุราษฎร์ธานี ลุยสินค้ารักษ์โลก พร้อมเปิดตัว Friends of Brand ปี 2568
- ตม.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังป้องกันชายแดน จับกุมชาวจีน 2 ราย หลบหนีเข้าเมือง
- ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุกขอนแก่น จับมือศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ขนร้านอาหารชื่อดังนับร้อย มาเสิร์ฟสายกิน 11 วันเต็ม 14 - 24 พ.ย.นี้
- ตรัง เปิดความสวยงาม "เขาแบนะ-อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม" เส้นทางศึกษาธรรมชาติเลียบภูเขาชมทะเลงาม
นายสุภาษิต กัณฐสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) บอกว่า สิ่งนี้ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ และสามารถนำไปใช้ได้ทันที แถมยังสามารถนำไปประกอบชีวิตในประจำวันได้ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ทางโรงเรียนสนับสนุนให้เกิดแก่ตัวเด็ก ทั้งนี้ นอกจากโรงเรียนจะมีหลักสูตรอาชีพสร้างสรรค์แล้ว ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนพิเศษได้มีสถานที่เรียน และได้รับการพัฒนาการที่ดี จนสามารถเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ได้ และก็ยังสามารถค้นพบตัวเองว่าชื่นชอบทางด้านไหน ซึ่งเมื่อเรียนจบไปแล้ว ก็สามารถต่อยอดเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนเองต้องการได้ ซึ่งการทำขนมโคนั้น จะช่วยฝึกให้นักเรียนพิเศษมีสมาธิ และมีความภาคภูมิใจในผลงาน เพราะสามารถนำไปทำที่บ้านได้
ส่วน “น้องแบ็ต” นางสาวนพรัตน์ ศรีสุด อายุ 18 ปี ผู้บกพร่องทางการได้ยิน บอกว่า การทำขนม หรือการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับตนเองเลย ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ม.6 ช่วยทำอะไรได้ทุกอย่าง ตนเองได้เกรดเฉลี่ยดี เพราะขยันเรียน ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครอง และทางโรงเรียน ก็ช่วยสนับสนุนกัน ด้าน นางสาวปภาวดี เพ็ชรย้อย อายุ 18 ปี และ นางสาวนลินทิพย์ สมุทรสาร อายุ 18 ปี ก็บอกว่า แนวความคิดนี้ เกิดมาจากการที่พวกตนอยากเผยแพร่ความรู้ที่ได้เรียนในวิชาอาหาร พร้อมนำมาดัดแปลงให้เข้ากับผลไม้ตามฤดูกาลคือ ทุเรียนบ้าน เพื่อให้เป็นขนมไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน และพร้อมเผยแพร่ให้กับชุมชนต่าง ๆ เพราะสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง ๆ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: