X

“สมศักดิ์” ลงตรังจิบน้ำกระท่อม ชมวัวชน ชี้ต้องส่งเสริมกีฬาพื้นบ้าน ขับเคลื่อน ศก.ท้องถิ่น

ตรัง “สมศักดิ์” ลงตรัง จิบน้ำกระท่อมนั่งชิลขอบสนาม ชมแข่งขันชนวัว ชี้ ต้องอนุรักษ์ส่งเสริมกีฬาพื้นบ้านภาคใต้ ขับเคลื่อนศก.ท้องถิ่น แนะชาวบ้านเลี้ยงวัวรายได้ดี เผยรัฐบาลต้องปรับแก้กฎหมายเพื่อช่วยเกษตรกรและกระตุ้นเศรษฐกิจด้านท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน

ที่สนามชนโคนาบินหลา อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะซึ่งเดินทางมาดูการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านชนโค ที่ จ.ตรัง นัดแรกเปิดให้ชน 5 วันรวด ขณะชมการแข่งขันสมศักดิ์ฯนั่งจิบน้ำกระท่อมชิดขอบสนาม ชมการแข่งขันชนวัว ซึ่งวันนี้เป็นการแข่งขันสุดท้าย มีการเดิมพันสูงสุดหลักล้านบาท เซียนวัวลุ้นเชียร์สนามแทบแตก

ด้านนายสมศักดิ์ ฯบอกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เคยเดินทางมาเปิดเกี่ยวงานพืชกระท่อมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็เป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว ซึ่งทางพี่น้องประชาชนก็ได้ขอร้องให้ตัวเองช่วยพูดเกี่ยวกับเรื่องของการชนวัว ชนไก่ ในภาคใต้เพราะบางจังหวัดยังไม่เปิดให้มีการชน และในวันนั้นก็ได้พูดถึงเรื่องความตั้งใจของภาครัฐ ที่อยากจะให้พี่น้องประชาชนมีเงินทอง มีเศรษฐกิจที่สะพัดหมุนเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรากหญ้า คนเลี้ยงไก่คนเลี้ยงโคก็ขายไม่ได้ ถ้าหากว่าเราชนไก่ชนโค กิจกรรมเกิดขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ห่วงโซ่ทั้งหลายมันไม่ใช่เฉพาะเพียงว่า เป็นคนเลี้ยงไก่เลี้ยงโคที่นำมาชนกันอย่างเดียว คนเพาะเลี้ยงคน ขายหญ้า ขายฟาง ขายอุปกรณ์หรือเด็กที่ต้องทำงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงต่างๆเหล่านี้ก็จะคอยอดอยากปากแห้งไปด้วยแต่ถ้ามีกิจกรรม ในเรื่องของการชน ซึ่งเราไม่ได้ส่งเสริมให้คนมาเล่นการพนัน แต่เราส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยง ขายได้รายได้ จากคำถามที่ว่าทำไมต้องส่งเสริมวัวชนทำไมไม่ส่งเสริมวัวเนื้ออย่างเดียวนั้น โดยการเลี้ยงวัวเนื้อขายนั้น ไม่ได้มีปัญหา ง่าย และไม่ได้มีความรู้อะไรพิเศษ แต่โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนชาวภาคใต้มีความรู้เรื่องการเลี้ยงวัวชน มาเป็นระยะเวลา 400-500 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักศิลาจารึก เมื่อคนภาคใต้มีความรู้ในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์เป็นกีฬา มันช่วยเพิ่มมูลค่า เมื่อเราเลี้ยงวัว 1 ตัว 300 กิโลกรัม ถ้าเป็นวัวเนื้อก็ขายได้ 30,000 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท 1 กิโลกรัมก้อน 100 บาทแต่ถ้าเป็นวัวชนเอา 3 คูณเอา 4 คูณจากตัวละ 30,000 บาทก็กลายเป็น 90,000 บาทหรือตัวละแสน ก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่เราสามารถเลี้ยงวัว ให้มีการถ่ายทอดสายพันธุ์หรือพันธุกรรมของวัว เป็นวัวชนที่อดทน แข็งแกร่ง หรือแม้ตั้งแต่ค่ารีดน้ำเชื้อ 1 หลอดก็ประมาณ 50-100 บาท ซึ่งเป็นเรื่องของทางปศุสัตว์ แต่หากเป็นวัวชนก็อยู่ที่หลอดละประมาณ 1,000 ถึง 3,000 บาทขึ้นไป

ถือว่าประเทศไทยเป็นสิ่งดี ๆที่ยังเหลืออยู่ที่ต้องอนุรักษ์ไว้ ไม่เพียงแต่ให้เกิดการชนไก่ ชนวัวเท่านั้น แต่ต้องออกกฎหมายให้เขาด้วยเพื่อออกกฎหมายอนุรักษ์อาชีพนี้ไว้อย่างไร เพราะมีความเป็นประวัติศาสตร์เป็นเศรษฐกิจเป็นอาชีพที่ต่อเนื่องให้ยาวนาน ไม่ใช่แค่คนวัวอย่างเดียวแต่ต้องทำเพื่อให้มันเป็นเรื่องของความยั่งยืน แม้แต่สนามชนวัวชนไก่ไม่ใช่อะไรที่จะต้องเปิดได้แต่ต้องมีสุขอนามัยที่ดี ออกระเบียบกฎเกณฑ์ในการตรวจโควิดที่ดี ก็สามารถชนได้ ก็สามารถทำได้เดินได้ไม่ต้องหยุดหรือปิดไป ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นท้องที่พื้นบ้านมีปัญหาอัตคัดขัดสนตลอด ซึ่งเวลาเปิดการชนวัว ชนไก่ ไม่เคยไปเรียกร้องให้รัฐบาลต้องมา สนับสนุนอะไรเลย โดยในประเทศไทยมี 80,000 หมู่บ้าน เอาหมู่บ้านละ 10 คน ก็จะมีคนเลี้ยงวัวเลี้ยงไก่8แสนคน ในแต่ละเดือนถ้ามีค่าใช้จ่ายคนที่เลี้ยงวัวเลี้ยงไก่ 10,000 บาท ก็ 80,000 ล้านบาท ในแต่ละปีก็เป็นล้านๆบาท ซึ่งตรงนี้จะให้รัฐบาลไปสนับสนุนก็ไม่ไหว จะต้องให้เดินไป อยู่ไว้ควบคู่กันได้โควิดก็ต้องระวัง ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จึงเปิดให้ดำเนินการทั้ง วัวไก่และอาชีพอื่นๆเพื่อให้เกิดความสมดุล ในพื้นที่จึงมาติดตามดูในวันนี้ก็เห็นพี่น้องชาวจังหวัดตรังเข้ามาทำกิจกรรมกันก็รู้สึกชื่นใจ จากการที่เราได้ผลักดันกันอย่างเต็มที่ ในส่วนราชการของมหาดไทย และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจ และดำเนินการตามขั้นตอนกัน

ในส่วนของระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆในสัปดาห์หนึ่งให้ชนได้วันเดียวนั้น ผมคิดว่าไม่ถูกมันต้องชนได้หลายวันเพราะว่าการมาชนวัวชนไก่ครั้งหนึ่งต้องมาเช้ากลับเย็นแล้วโรงแรม แล้วโรงแรมหรือที่ทำเพื่อกระตุ้นการสนองเรื่องการท่องเที่ยว ก็ไม่มีประโยชน์เลย ต้องทำให้มีการชนติดต่อกันได้หลายวันอย่างน้อยต้อง 3 วัน และจะได้ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้น สิ่งที่ปรับแก้โดยไม่ต้องใช้เงินรัฐบาลควรจะต้องรีบทำ ต้องปรับแก้ระเบียบได้ แล้วส่วนกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องของเกษตรกร การเลี้ยงสัตว์ตัวนี้ผมคิดว่าแนวทางวันข้างหน้าต้องทำ กันให้อย่างยั่งยืน โดยกฎหมายที่เขาอนุรักษ์เกษตรกรในประเทศอย่างเช่นประเทศออสเตรเลีย เป็นพวกฟาร์มต่างๆเขาต้องมีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเกษตรกรมีความยั่งยืน
ทั้งนี้ในส่วนประเด็นสารกัญชาที่มีค่า TCH เกิน 0.2 ที่ใช้ในสาธารณะหากใช้เกินจะผิดกฎหมายส่วนตรงนี้นั้นขอไปดูตัวของบทกฎหมายแล้วค่อยว่ากันอีกที

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน