ตรัง รองผบช.ภ.9 เรียกประชุมด่วนคลี่คลายคดีเหตุรถแข่งโรดเรซซิ่งชนคนดูเจ็บตาย ขณะที่ยายน้อง 2 ขวบผู้บาดเจ็บเผยน้องกะโหลกเปิดยังมีเลือดไหลออกจากศีรษะ และตอนนี้เป็นระยะเวลา 3 วันแล้วผู้จัดยังไม่มาพูดคุย แม้บ้านอยู่ใกล้กันนิดเดียว นอกจากนี้ญาตินักแข่งฝันถึงน้องผู้เสียชีวิตยังนั่งอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ จึงทราบว่ามีหมวกของน้องยังตกหล่นอยู่ที่บ้าน จึงฝากผู้สื่อข่าวคืนหมวกให้แม่น้องด้วย
จากกรณีได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ที่บริเวณสระกะพังสุรินทร์ เขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งกำหนดแข่งขัน 2 วันคือ ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ค.65 แต่ในการแข่งขันวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ ( 3ก.ค.) ปรากฏว่าได้เกิดเหตุสุดสลดขึ้น เมื่อรถจยย.ที่เข้าร่วมแข่งขันคันหนึ่ง เกิดเกี่ยวกับรถคู่แข่ง เป็นเหตุให้รถจยย.เสียหลักล้มลงและไถลครูดไปกับพื้นถนน โดยคนขับ และจยย.แยกกระเด็นออกจากกัน จนไปชนกับผู้ชมที่อยู่บนฟุตบาท หน้าบ้านเรือน ซึ่งเป็นย่านชุมชน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเพศชายอายุ 16 ปี และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 8 คน โดย 1 ในนั้นมีน้องอายุ 2 ขวบรวมอยู่ด้วย ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ แต่โชคดีอาการปลอดภัยแล้ว ขณะที่คนขับรถจยย.แข่งคันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตรัง
คืบล่าสุดวันนี้ 5 ก.ค.65 เวลา 10.00 น. ที่สภ.เมืองตรัง พล.ต.ต. กฤษดา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภจว.ตรัง พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาว์ดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม รองผกกสอบสวน และพนักงานสอบสวนเจ้าของคนดี เรียกประชุมด่วนคลี่คลายคดีเหตุรถแข่งโรดเรซซิ่งชนคนดูเจ็บตายระนาว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดเกิดเหตุอีกครั้งและได้พบกับนางเพชรรัตน์ ช่วยแข็ง อายุ 42 ปี ที่บ้านดังกล่าว เลขที่ 67 ถ.เวียนกะพัง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นยายของเด็กชายบุญฤทธิ์ วัย 2 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุรถแข่งพุ่งเข้าชนขณะที่เด็กอยู่ ในอ้อมอกของลุง(นายเอกลักษณ์ ฤทธิมา) ที่หน้าบ้านของตัวเอง และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ได้รับเด็ก 2 ขวบได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะกะโหลก ผิวบริเวณกะโหลกเปิด แม้ว่าตอนนี้เด็กจะอยู่ในอาการปลอดภัยแล้วแต่แผลยังไม่หายและยังมีเลือดไหลอยู่ ส่วนแม่ของเด็กก็ยังตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยายของเด็ก บอกว่า ได้พยายามติดต่อไปที่ผู้จัดงานแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้เพราะเขาไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อใด ๆ มีเพียงการนำกระเช้ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลที่เตียง 1 ครั้ง แต่เมื่อสอบถามถึงค่าใช้จ่าย การรับผิดชอบผู้จัดงานได้บอกปัดเพียงว่าให้ไปคุยกันที่โรงพักเท่านั้น ตนไม่รู้ว่าจะต้องคุยอย่างไรเพราะต้องการให้เขาชดใช้กับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะเราไม่ใช่เป็นคนที่มาดูรถแข่ง แต่เป็นชาวบ้านที่มีบ้านเป็นเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ และรถพุ่งเข้ามาชนในบ้าน ซึ่งผู้จัดไม่เคยมาหาที่บ้านเลย ไม่เคยมาสอบถามความเป็นอยู่ และไม่เคยถามอาการผู้บาดเจ็บ ไม่เคยถามอาการหลานและความรู้สึกของครอบครัวเลย ทั้ง ๆ ที่รถแข่งพุ่งมาชนที่หน้าบ้าน แต่จริง ๆ ในใจก็ไม่อยากให้จัดการแข่งขัน แต่ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตนเองยังบอกอีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ทางญาติของน้องมณฑลได้ทำพิธีขอขมาเรียกวิญญาณกลับไปแล้ว แต่ทางญาติของนักแข่งยังฝันถึงน้องมณฑลที่เสียชีวิตว่ามานั่งอยู่หน้าบ้านของตนเอง จึงทราบว่ามีหมวกของน้องยังตกหล่นอยู่ที่บ้านตนเอง จึงฝากผู้สื่อข่าวคืนหมวกให้แม่น้องด้วย ส่วนตนเสร็จธุระเรื่องหลานวันนี้ จะรีบเดินทางเข้าไปร่วมเคารพศพของน้องมณฑลที่วัดควนสวรรค์ ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง
