ตรัง –แรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา และนายจ้างร้องสื่อ ลูกจ้างถูกรถชนต้องตัดขาทิ้ง 1 ข้าง ผ่านมา 1 เดือน คดีไม่คืบ สอบถามตำรวจได้แต่บอกว่า อยู่ระหว่างติดตาม ขณะที่กล้องวงจรปิดก็เป็นฝ่ายไปวิ่งหาส่งให้ตำรวจเอง จำนวน 2 ตัว ไม่มีการสอบปากคำ ไม่มีการเข้าเยี่ยม ตัดพ้อเป็นแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองมาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อเกิดเรื่องกลับไม่ได้รับการดูแล เตรียมเข้าร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสถานทูตกัมพูชา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และขอความช่วยกฎหมายเหลือต่อไป
ที่บ้านเช่า ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง นายนพดล พรสุริวงศ์ อายุ 40 ปี นายจ้าง พร้อมด้วยนางธิดา คาว อายุ 21 ปี และนายไทย เซอร์ อายุ 27 ปี สองสามีภรรยาชาวกัมพูชา ร้องเรียนผ่านไทยพีบีเอส กรณีนางธิดา ถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. และหน้าโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.39.53 นาที ตามภาพจากกล้องวงจรปิด ของค่ำวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.ตรัง จากนั้นโรงพยาบาลตรังได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาในวันที่ 25 มิถุนายนเป็นต้นมา โดยแพทย์ได้อนุญาตให้ออกจากรพ.มอ.เมื่อเย็นวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างที่เข้ารักษาตัวต้องเข้าห้องผ่าตัด 3 รอบ ทางนายจ้างและครอบครัวแรงงานชาวกัมพูชา บอกว่า ทางตำรวจไม่ได้เดินทางไปสอบปากคำ หรือเยี่ยมดูอาการ หรือสอบถามอาการ หรือแจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่นายจ้างและครอบครัวแรงงาน หรือแจ้งสิทธ์ใดๆแก่ผู้เสียหายได้รับทราบแต่อย่างใด ทั้งๆที่แรงงานดังกล่าวเป็นแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อเกิดเรื่องกลับไม่คุ้มครองดูแลตามสิทธิที่ควรจะได้รับ ไม่มีความคืบหน้าในด้านคดี ยังติดตามจับกุมคนก่อเหตุไม่ได้ ห่วงคดีจะล้ม และไม่มีคนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
โดยนางธิดา แรงงานข้ามชาติที่ประสบอุบัติเหตุต้องถูกตัดขาขวาทิ้งไป 1 ข้าง ขณะที่สามี ซึ่งต้องเดินทางไปเฝ้าดูอาการของภรรยาที่ รพ.มอ.ต้องไปพักอาศัยภายในวัดใกล้รพ.ในราคาคืนละ 20 บาท ค่ารักษาพยาบาลพุ่งรวมกว่า 200,000 บาท ยังไม่มีใครรับผิดชอบ โดยทางนายจ้างและสามีต้องช่วยกันรับผิดชอบคนละครึ่ง นางธิดา ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านในสภาพขาข้างขวาถูกตัดทิ้งไป 1 ข้าง และแขนซ้ายยังต้องเฝ้าเฝือก เพราะแขนหัก กล่าวว่า ในวันดังกล่าวช่วงค่ำเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ตนเองออกจากไซด์งานก่อสร้างภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ตำบลบางรัก เพื่อกลับบ้านก่อนมาทำกับข้าวไว้รอสามี แต่เมื่อมาถึงบ้านเช่า ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 600 เมตร ปรากฏว่า ลืมเอากุญแจบ้านกลับมาด้วย จึงเดินกลับไป ระหว่างที่กำลังข้ามถนนจากฝั่งโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ซึ่งมีปั๊มน้ำมัน ปตท.อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อข้ามไปถึงบริเวณเส้นกลางถนน ระหว่างที่ตนกำลังมองซ้ายระวังรถที่จะมาทางซ้ายมือ เพื่อจะข้ามถนน ได้มีรถยนต์เก๋งขับมาทางขวามือพุ่งตรงมากลางถนนด้วยความเร็วสูงได้พุ่งเฉียวชนตนเองจากทางขวามือ จนทำให้ตนเองกระเด็นไปตามแรงและล้มลงกลางถนน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนรถที่ชนก็ขับหนีไปมุ่งหน้าเข้าเมือง โดยต้องนอนรพ.ยาวนานประมาณ 1 เดือน โดยแพทย์ตัดขาขวาทิ้ง และแขนซ้ายหักกำลังเข้าเฝือก ส่วนขาจะต้องรักษาอีกเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กว่าจะใส่ขาเทียมได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มั่นใจว่าจะทำงานได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนด้านคดีจนถึงขณะนี้ทางตำรวจยังจับคนชนไม่ได้ และตำรวจไม่เคยเข้ามาสอบปากคำตนเอง หรือไม่เคยมาเยี่ยมสอบถามข่าวคราว และแจ้งความคืบหน้าของคดีให้ทราบแต่อย่างใด
ข่าวน่าสนใจ:
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- ชายวัย 50 ปี เปลี่ยนถังแก๊สเอง จุดเตาทำกับข้าวไฟพรึ่บคลอกเจ็บหนัก
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
ทางด้านนายนพดล พรสุริวงศ์ นายจ้าง กล่าวว่า ตนเองมารับเหมาก่อสร้างทำเซเว่น-อีเลฟเว่น ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนบางรัก และทำเสร็จมาแล้วประมาณ 1 เดือน แต่มาเกิดปัญหาลูกจ้างถูกรถชนจนบาดเจ็บสาหัสเข้ารักษาตัวที่ รพ.มอ.หาดใหญ่ยาวนานประมาณ 1 เดือน จึงยังต้องอยู่ในพื้นที่ดูแลลูกน้อง โดยลูกน้องตนเองเป็นแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา มาทำงานร่วมกับตนนานประมาณ 1 ปีแล้ว แม้เป็นผู้หญิงแต่ทำงานก่อสร้างเก่งเหมือนผู้ชาย ทำได้ทุกอย่าง หลังจากเกิดเหตุ ไม่มีความคืบหน้าทางคดีใดๆเลย ตนจึงร้องสื่อ ขอให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดี เพราะหลังเกิดเหตุมา 1 เดือน ทางตำรวจไม่ค่อยเอาใจใส่ ไม่ไปเยี่ยม ไม่สอบปากคำใดๆ ไม่สนใจทำคดี คงเห็นเป็นแรงงานต่างชาติ ไม่มีความคืบหน้าของคดี ยังจับคนชนไม่ได้ ในส่วนของกล้องวงจรปิดตนกับภรรยาต้องวิ่งหาเองในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ โดยเก็บมาได้ 2 ตัว เป็นภาพขณะชนกลางถนน จากกล้องวงจรปิดของ ร.ร.สอนขับรถยนต์ และภาพรถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออสสีดำ ขณะขับผ่านปั๊มน้ำมัน PT แต่มองเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบว่าทางตำรวจได้ไล่แกะรอยกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมหรือไม่ ตนหามาได้ 2 ตัว และเมื่อโทรสอบถามจากร้อยเวรเจ้าของคดี ก็บอกได้แต่เพียงว่า กำลังติดตาม และครั้งหลังให้เบอร์ชุดสืบสวนมาแก่ตน เพื่อให้ตนโทรศัพท์สอบถามจากชุดสืบสวนเอง ซึ่งตนมองว่าทางตำรวจไม่สนใจทำงาน คดีนี้กล้องวงจรปิดมากหลายตัว นับตั้งแต่จุดก่อสร้างสะพานคลองช้าง โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ตลอดเส้นทางและเส้นทางแยก อตก.หรือเข้าเมือง หรือทางแยกจะต้องมีวงจรปิดที่สามารถแกะรอยรถยนต์ได้แน่นอน หรือตลอดเส้นทางที่รถขับผ่านมาก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ก็ผ่านเส้นทาง หรือจุดแยกสำคัญมามากมาย เชื่อมีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก แต่ตำรวจน่าจะไม่ทำ คงเห็นเป็นแรงงานต่างชาติ จึงไม่สนใจ ไม่เหมือนกับที่เกิดกับคนไทย
แต่ตนมองว่าแรงงานเขามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ทางตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย โทรมาทุกครั้งก็อ้างบอกแค่ว่า กำลังติดตาม ตนอยากเรียกร้องให้ทางตำรวจจับคนร้ายให้ได้ เพราะพวกตนเดือดร้อนอย่างมาก จะได้มารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วยชดใช้ค่ารักษามนุษย์คนนึงที่เขามาทำมาหากินสุจริตในเมืองไทย โดยค่ารักษาพยาบาขณะนี้รวมแล้วเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาทแล้ว และหลังจากนี้จะกลับไปรักษาตัวต่อที่ จ.นครสวรรค์ ก็ไม่ทราบว่าจะต้องจ่ายอีกเท่าไร และต้องรักษาตัวไม่น้อยกว่า 6 เดือน กว่าจะเข้าเฝือกได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนต้องเสียคนงานไปทั้งหมด 3 คน คือ แรงงานหญิง ซึ่งบาดเจ็บจากการถูกชน ซึ่งทำงานเก่งมากเหมือนผู้ชายทั้งงานปูน งานฉาบ รวมทั้งสามีต้องไปเฝ้าภรรยา และแม่สามีต้องดูแลหลานวัย 5 ขวบ ลูกสาวของทั้ง 2 คน อยากเรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับกุมคนร้ายให้ได้ หากไม่คืบหน้าตนเองจะเข้าร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกจ้าง และในส่วนของลูกน้อง ซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา เขาจะเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยต่อไป เพื่อให้ช่วยเหลือด้านคดี ทั้งนี้ จะดูแลลูกน้องตลอดไป จะไม่ทอดทิ้งลูกน้องแน่นอน
ทางด้านนายไทย เซอร์ แรงงานกัมพูชา สามีของนางธิดา ซึ่งกล่าวน้ำตาคลอตลอดเวลา ว่า ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ตำรวจไม่สนใจทำอะไรให้พวกตนเอง คงเห็นว่าพวกตนเป็นแรงงานต่างด้าว จึงไม่สนใจ ผิดหวังกับเจ้าหน้าที่ ตนเองจากบ้านมาจากประเทศกัมพูชามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย เป็นหนี้จากที่บ้านมา 2 แสนบาท เพื่อจะมาทำงานเก็บเงินส่งเสียทางบ้าน แต่ภรรยามาถูกรถชนทำให้กลายเป็นหนี้เพิ่มอีก โดยค่ารักษาพยาบาลขณะนี้กว่า 2 แสนบาทแล้ว นายจ้างช่วยออกให้ครึ่งหนึ่ง ตนเองจะต้องออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งนายจ้างเป็นคนดีมาก ดูแลพวกตนอย่างดี อยากให้ตำรวจไทยจับคนก่อเหตุให้ได้ แต่หากไม่คืบหน้าตนเองจะไปร้องต่อสถานทูตกัมพูชา เพื่อขอความช่วยเหลือด้านคดีจากสถานทูต
ทางด้านพ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ความคืบหน้าของคดี คือ หลังเกิดเหตุทางตำรวจให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งได้มา 2 ตัว จับภาพรถยนต์คันก่อเหตุได้ เป็นรถยนต์เก๋ง โตโยต้า วีออส แต่ไม่เห็นป้ายทะเบียน ประกอบกับช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนเกือบ 2 ทุ่ม ซึ่งคืบหน้าได้รู้ว่าเป็นรถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส ซึ่งจะไล่กล้องวงจรปิดต่อไป ในที่เกิดเหตุพบกระจกรถ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนรถตกอยู่ โดยมีเลขบาร์โต๊ดติดอยู่ ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งไปให้บริษัท โตโยต้า ตรวจสอบอยู่ว่าจะสามารถบ่งบอกเลขตัวถังรถ หรือเจ้าของรถยนต์ได้หรือไม่ ยังต้องรอผล ซึ่งจะติดตามผลอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บ และไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะผู้บาดเจ็บอยู่โรงพยาบาลมอ. หลังจากนี้จะเร่งสอบปากคำ และติดตามผลการตรวจสอบกระจกว่าพอจะมีเบาะแสเจ้าของรถคันดังกล่าวหรือไม่ จะได้ติดตามต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยา ดำ ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ถ้ายังสอบปากคำไม่เสร็จ จะต้องให้พนักงานสอบสวนตามไปสอบปากคำที่จ.นครสวรรค์ เพราะหากไม่สอบปากคำไว้ให้ละเอียด หากจับคนก่อเหตุได้ ก็ไม่สามารถเอาผิดคนชนได้
อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่ขับรถผ่านถนนสายสิเกา มุ่งหน้าเข้าเมืองตรัง และเส้นทางเชื่อมต่อ ในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม – 2 ทุ่ม ในช่วงค่ำของวันที่ 24 มิถุนายน 2565 หากใครมีกล้องหน้ารถสามารถจับภาพรถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส สีดำได้ ขอให้ช่วยส่งหลักฐานมาให้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: