ตรัง -เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั้ง 50 แห่ง ในจ.ตรัง ประกาศศึก..ผนึกกำลังกับการยางแห่งประเทศไทย สาขาตรัง นำร่องโครงการชะลอการขายยาง โดยแบ่งพื้นที่เป็น 7 แม่ข่ายครอบคลุมทั้ง 10 อำเภอ สร้างห้องดูดความชื้นเก็บสต๊อกยางแผ่นรมควันชั้น 3 ไม่เสนอขายรายวันเหมือนที่ผ่านมา ดัดนิสัยกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รวมหัวทุบราคา สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรรายย่อย และสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตยางแผ่นรมควันชั้น 3 ล่าสุด เพียง 5 วันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางแผ่นรมควันดิ่งลงมากถึง 11 บาท จากราคากิโลกรัมละ 61 บาท เหลือกิโลกรัมละ 50 บาท ดึงอำนาจต่อรองให้มาอยู่ในมือเกษตรกร โดยการยางแห่งประเทศไทยสนับสนุนเงินงบประมาณ 80% ของราคาในแต่ละวัน จากนี้ไปถ้าราคายางในตลาดกลางราคาดีก็จะเสนอขายให้ แต่ถ้าราคาไม่ดีไม่ขาย รอจังหวะและโอกาส หรือเครือข่ายจะขายตรงกับบริษัททั้งในและต่างประเทศผ่านตลาดกลาง โดยจะดึงหน่วย BU ให้ทำหน้าที่ตัวเอง เชื่อหาก 5 เสือขาดแคลนยางที่จะส่งมอบในตลาดล่วงหน้า จะเกิดการแย่งกันซื้อ ทำให้อำนาจต่อรองราคายางที่เป็นธรรมกลับมาอยู่ในมือของเกษตรกร และจะขยายให้ทั่วภาคใต้ซี่งแต่ละวันจะสามารถดูดซับปริมาณยางออกจากตลาดกลางเข้าเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัน/วัน เฉพาะจ.ตรัง เริ่มต้นที่วันละประมาณ 1,000 ตัน
ที่การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง นายภิรม หนูรอด ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง เรียกประชุมด่วน เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั้ง 50 แห่งในจ.ตรัง ผู้บริหารการยางรับผิดชอบทั้ง 10 อำเภอของจ.ตรัง รวม 6 สาขา เจ้าหน้าที่การเงิน รวมทั้งฝ่ายธุรการของ กยท.ทุกสาขา เพื่อร่วมกันลงมติผนึกกำลังกันจัดทำโครงการชะลอการขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 ในตลาดกลางยางพารา หลังพบว่าที่ผ่านมาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ซึ่งเป็นเจ้าของสวน และผู้รวบรวมน้ำยางและผลิตยางถูกเอารัดเอาเปรียบจากโรงงานผู้ผลิตยางส่งออกรายใหญ่ โดยการถูกกดราคา ทำให้ราคายางตกต่ำเป็นระยะๆ ไม่เกิดความเป็นธรรมกับเกษตรกร ไม่สะท้อนราคาที่แท้จริง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรเป็นอย่างมาก มีรายได้ไม่พอรายจ่าย และบางช่วงทำให้สถาบันอยู่ในภาวะขาดทุน ทำเกษตรกรเดือดร้อนหนัก โดยล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียง 5 วัน กลุ่มทุนรวมหัวกันทุบราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ดิ่งลงมากถึง 11 บาท จากราคากก.ละ 61 บาท ปิดตลาดสุดสัปดาห์ (ศุกร์ที่ 19 ส.ค.) เหลือเพียงประมาณกก.ละ 50 บาทเท่านั้น โดยทั้งหมดลงมตินำร่องร่วมโครงการชะลอการขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการยางแห่งประเทศไทย โดยแบ่งพื้นที่มี 7 สถาบันแม่ข่าย ครอบคลุมทั้ง 10 อำเภอ ที่มีความพร้อมด้วยห้องควบคุมความชื้นรับฝากยางจากสถาบันเกษตรกรสมาชิกทั้ง 50 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม เป็นต้นไป เฉพาะจังหวัดตรังจะสามารถเก็บยางชะลอขายได้ประมาณวันละ 1,000 ตัน
ด้านนายภิรม หนูรอด ผอ.กยท.ตรัง กล่าวว่า โดยการยางแห่งประเทศไทยสนับสนุนเงินงบประมาณ 80% ของราคาในแต่ละวันสนับสนุนสถาบันเกษตรกรชะลอการขายยาง โดยจังหวัดตรังนำร่องนับจากวันจันทร์เป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อสถาบันเข้าโครงการชะลอการขายยางแล้ว จากนี้ไป กยท.จะดูด้านราคา ถ้าราคายางดีก็จะเสนอขายผ่านตลาดกลาง แต่ถ้าราคาไม่ดี จะไม่ขาย รอจังหวะและโอกาส เป็นการรวมกลุ่มกันทั้งจังหวัด ไม่ต่างคนต่างขายเหมือนที่ผ่านมา วิธีการ เมื่อสหกรณ์สมาชิกนำยางเข้าฝากไว้กับสถาบันแม่ข่ายในแต่ละวัน ทาง กยท.ก็จะโอนเงินค่ายางให้แก่สถาบันเจ้าของยางเป็นเงิน 80% ของราคายางในวันนั้นผ่านสถาบันแม่ข่าย โดยกำหนดจัดเก็บเป็นระยะเวลา 1 เดือน ทั้งนี้ หากวันไหนยางราคาดี กยท.ก็จะเสนอขายยางผ่านตลาดกลาง ได้กำไรเท่าไรก็ยกให้สหกรณ์สมาชิกพร้อม 20 % ที่ยังค้างอยู่ โดยแบ่งให้สถาบันแม่ข่ายรับฝากยางกิโลกรัมละ 50 สตางค์ เป็นค่าบริหารจัดการ แต่หากราคาไม่ดี ก็จะไม่ขาย เก็บไว้จนกว่าสถาบันจะพอใจในราคา แต่ทั้งนี้ หากผ่านไป 1 เดือน ราคายางยังตกต่ำกว่าราคายางที่รับฝาก ทาง กยท.จะรับผิดชอบค่ารับฝากยางกก.ละ 50 สตางค์ให้แก่สถาบันแม่ข่าย และโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง ของ กยท.ก็รับซื้อยางทั้งหมดในราคาที่รับฝาก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หรือหลังจากนี้เครือข่ายจะขายตรงกับบริษัททั้งในและต่างประเทศผ่านตลาดกลาง โดยจะดึงหน่วย BU ให้ทำหน้าที่ตัวเอง เชื่อหาก 5 เสือการยาง ขาดแคลนยางที่จะส่งมอบในตลาดล่วงหน้า จะเกิดการแย่งกันซื้อ ทำให้อำนาจต่อรองราคายางที่เป็นธรรมกลับมาอยู่ในมือของเกษตรกร และจะขยายให้ทั่วภาคใต้ซี่งแต่ละวันจะสามารถดูดซับปริมาณยางออกจากตลาดกลางเข้าจัดเก็บชะลอขายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัน/วัน เฉพาะจ.ตรัง เริ่มต้นที่วันละประมาณ 1,000 ตัน
ข่าวน่าสนใจ:
- "ประเสริฐ รักไทย” ประกาศชน “บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ” สู้ศึกชิงเก้าอี้ อบจ.ตรัง
- เปิดแล้วสุดยอดจุดเคาท์ดาวน์ซับสะเลเตบนขุนเขาแห่งดอกไม้ใหญ่สุดในภาคอีสาน!
- พ่อค้ายาหัวใส!! ซุกยาในหัวชาร์ตโทรศัพท์มีรูปสติกเกอร์โดเรม่อน ตบตาเจ้าหน้าที่ ถูกฝ่ายปกครองรวบพร้อมของกลาง จ.สระแก้ว
- ตรัง "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน" บอกรักทะเลด้วยสองมือ ณ หาดฉางหลาง ทะเลตรัง ก้าวขา-พาสองมือเก็บขยะทะเล รังสรรค์งานศิลป์
ทั้งนี้ กยท.มีโครงการชะลอขายยางทั้งยางก้อนถ้วยที่ภาคเหนือ และอีสาน ส่วนภาคใต้ มีโครงการชะลอขายน้ำยางสด ซึ่งก็ได้ผล แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งจะขยายพื้นที่จัดเก็บน้ำยางสดต่อไป และมาถึงโครงการชะลอยางสำหรับยางแผ่นรมควัน เชื่อจะทำให้ราคายางดีขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สหกรณ์การเกษตรทุ่งยาว จำกัด ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งรวบรวมน้ำยางสดจากสมาชิกส่งขายโรงงาน รวมทั้งนำน้ำยางที่ไม่ได้คุณภาพโรงงานมาแปรรูปทำเป็นยางแผ่นดิบ ขณะนี้ได้ริเริ่มโครงการชะลอขายยางเป็นแห่งแรกของจ.ตรัง นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีกยท.สาขาปะเหลียน เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงดูแลอย่างใกล้ชิด โดยนายสมพล เก้าเอี้ยน ประธานสหกรณ์การเกษตรทุ่งยาว กล่าวว่า ห้องควบคุมความชื้นสำหรับเก็บยางแผ่นรมควัน จากสหกรณ์สมาชิก 14 แห่ง เพื่อทำโครงการชะลอการขายยาง สมาชิกร่วมลงทุนกันเองส่วนหนึ่ง และได้รับงบสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกส่วนหนึ่งสามารถเก็บยางชะลอขายได้จำนวน 150 ตัน โดยเริ่มทดลองการจัดเก็บและชะลอขายมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ บางครั้งรับฝากในราคากก.ละ 68 บาท ชะลอขายไป 7 วัน ได้ในราคากก.ละ 71 บาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เหมือนโครงการแก้มลิงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เก็บยางเอาไว้ รอจังหวะและโอกาสที่ดี ก็ปล่อยขายให้สหกรณ์ได้กำไร ซึ่งหากจังหวัดตรัง และทุกจังหวัดภาคใต้ร่วมโครงการชะลอขายยางได้ จะทำให้เกษตรกรสามารถขายได้ในราคาที่เป็นธรรม สะท้อนราคาที่แท้จริง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากโรงงาน จากเดิมแต่ละวันส่งขายในตลาดกลางได้ราคาที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงสร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรอย่างมาก พร้อมนำผู้สื่อข่าวพิสูจน์คุณภาพยางที่เก็บไว้ในห้องควบคุมความชื้นตามโครงการชะลอขายยางมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน พบว่า คุณภาพยางยังคงเป็นปกติ สามารถนำไปอัดก้อน หรือขายยางเปลือยได้ตามปกติ ซึ่งนับจากนี้เชื่อว่าหากกยท.และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางสามารถเก็บสต๊อกยางชะลอการขายได้ เป็นการจัดระเบียบตลาดด้านการซื้อขายยาง เป็นการปรับสมดุลของตลาด ซึ่งต้องไม่ทำเฉพาะช่วงยางขาลง แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างดุลยภาพด้านการค้า โดยเอาภาวะตลาดเป็นตัวชี้นำการผลิตถ้าทำอย่างถูกต้อง ตลาดจะเกิดสมดุล การซื้อขายก็เป็นธรรม ไม่มีการเก็งกำไรการซื้อขายโดยพ่อค้ามากเกินไป ดังนั้น การชะลอการขายยาง หรือรักษาคุณภาพยางไว้สำหรับเพื่อรอจังหวะปล่อยขาย จะสร้างความสมดุลของตลาด จะทำให้ราคายางดีขึ้นอย่างแน่นอน เกิดประโยชน์ความมั่งคั่งกับเกษตรกรยางทั้งระบบ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: