X

ชาวบ้านเฮ ทต.บางเป้าเร่งทุบกำแพงกั้นทางเข้า-ออก หลังศาลฎีกาสั่งเปิดทาง ชาวบ้าน 6 ครัวเรือนได้ใช้

ตรัง ชาวบ้านสุดดีใจ ศาลสั่งเปิดทาง เทศบาลตำบลบางเป้าเร่งทุบกำแพงกั้นทางเข้าออก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก เส้นทางดังกล่าว ก่อนหน้านี้เสมือนต้องถูกขังมาร่วม 4 ปีแล้ว จนนำไปสู่การต่อสู่ในชั้นศาาล ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา ขณะที่เจ้าของบ้านและที่ดิน โอด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเสียใจอย่างมาก จึงอยากให้เห็นใจกันบ้าง แต่ก็ยอมรับในคำสั่งศาล และอยากขอความเป็นธรรม เพราะที่ดินที่ยกให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์นั้น เป็นที่ดินของตน แต่กลับไม่มีค่าชดใช้ใด ๆ จากชาวบ้านที่มาใช้ทาง

วันที่ 19 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่บังคับคดีจังหวัดตรัง พร้อมด้วยทนาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กันตัง เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางเป้า นำหมายบังคับคดี ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดตรัง เพื่อเปิดทางกรณีข้อพิพาททางเข้า-ออกของชาวบ้าน หมู่ 4 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยพูดคุยกับทางเจ้าของที่ดินคือนางชไมพิมพ์ จันทร์เอียด อายุ 58 ปี โดยมีความกว้าง 2.25 เมตร มีความยาวตลอดแนวไปจนบรรจบกับทางด้านใน และทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางเป้า ได้ดำเนินการทุบกำแพงทิ้ง เพื่อเปิดเส้นทาง พร้อมเคลียร์สิ่งกีดขวาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก เส้นทางดังกล่าว ซึ่งใช้เวลาในการรื้อถอนและเคลียร์เส้นทางประมาณ 2 ชม.

ด้าน นายโชคชัย รอดรักษา ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลบางเป้า บอกว่า กรณีนี้ทางผู้เดือดร้อนได้ทำหนังสือไปยังทางเทศบาลเมืองกันตัง ขอความร่วมมือนายช่าง และคนงาน มาช่วยรื้อถอนกำแพงที่กั้นเอาไว้ เพื่อความสะดวกของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งดำเนินการไปตามคำสั่งศาล และมีการพิจารณาคดีถึงที่สุดแล้ว โดยให้ใช้เป็นทางสาธารณะประโยชน์ร่วมกัน และไม่สามารถปิดกั้นทางได้อีกแล้ว หลังจากนี้ทางเทศบาลก็คงดำเนินการเข้าแผนพัฒนาประจำปี เพื่อทำถนนคอนกรีตเข้าไป เพราะด้านในมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 6 ครัวเรือน

นางจรรยา ใจมุ่ง อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 4/1 ม.4 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง ผู้เดือดร้อน บอกว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่ผลการตัดสินออกมาอย่างนี้ เพราะพวกตนทั้ง 6 ครัวเรือน ที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ด้านใน เสมือนกับต้องถูกขังมาร่วม 4 ปีแล้ว ทำให้เดือดร้อนอย่างมาก เพราะทำได้แค่เดินผ่านเข้าออกเท่านั้น แต่เขาไม่ยอมเปิดให้ใช้รถยนต์ได้ ขนาดของซื้อทางเขาก็ไม่ยอมขาย ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งนายอำเภอกันตังขณะนั้นยังบอกเลยว่า ชาวบ้านใช้ทางสายนี้มายาวนานนับ 100 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ใครจะมาปิดไม่ได้ แต่เรื่องก็ไม่จบ เลยสุดท้ายต้องไปสู้กันในศาล ซึ่งก็ลำบากไม่น้อย เพราะต้องใช้เวลาสู้คดีกันหลายปี โดยศาลชั้นต้นให้ตัดสินให้เปิดทางกว้าง 2.5 เมตร เพื่อให้รถยนต์ผ่านไปมาได้ แต่ทางฝ่ายเจ้าของที่ดินไม่ยอม เลยต้องสู้กันในชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา

นางสาวดวงพร ท่าจีน อายุ 30 ปี ผู้เดือดร้อนอีกราย ก็บอกว่า ตนเองและเพื่อนบ้านอาศัยอยู่บนที่ดินตาบอดมานานราว 4 ปีแล้ว จะเข้าออกทางไหนก็แสนลำบาก เพราะต้องผ่านที่ดินของคนอื่นทั้งนั้น เมื่อศาลตัดสินให้เปิดทางเช่นนี้ ทำให้พวกตนรู้สึกดีใจอย่างมาก

ส่วนทางด้าน นางชไมพิมพ์ จันทร์เอียด อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านและที่ดิน บอกว่า ทางสาธารณะประโยชน์ตรงนี้ อยู่ในเขตโฉนดที่ดินของตน เพราะตนให้เดินผ่านไปมาได้ ให้รถจยย.วิ่งได้ แต่ไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่ง โดยที่ดินตรงนี้มี 2 ห้อง กว้างห้องละ 5 เมตร และพี่น้องทั้ง 6 คน ยังไม่ได้จัดการแบ่งสรรที่ดินกันเลย จู่ ๆ ก็มาถูกแบ่งไปเป็นทางสาธารณะประโยชน์ 2-3 เมตร มันมากเกินไป แต่ถ้ามาขอสัก 1 เมตร ตนก็ยินดีจะให้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนและน้อง ๆ เสียใจอย่างมาก จึงอยากให้พวกเขาเห็นใจบ้าง แต่อย่างไรตนก็ยอมรับในคำสั่งศาลที่ให้เปิดทาง ซึ่งตนอยากจะขอความเป็นธรรมสักนิด เพราะที่ดินที่ยกให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์นั้น เป็นที่ดินของตนเอง แต่กลับไม่มีค่าชดใช้ใด ๆ จากชาวบ้านที่มาใช้ทาง แถมที่ผ่านมาตอนสู้คดีทั้ง 3 ศาล ต้องไปจ้างทนายมาถึง 3 คน และต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นแสนๆ บาท แต่สุดท้ายก็มาแพ้คดีอีก

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน