ตรัง จำลองเหตุการณ์ คนคลุ้มคลั่งอาละวาด ตร.ควบคุมสถานการณ์ ใช้ปืนไฟฟ้าจริง ปืนร่างแหจริง เข้าระงับเหตุ
วันที่ 22 กันยายน 65 เวลา 10.00 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ ร.5 นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.ภูริทัศน์ ชัยศร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง ฝ่ายปกครอง รพ.ตรัง และ สาธารณสุขจังหวัดตรัง ร่วมชมการสาธิตการระงับเหตุคนคลุ้มคลั่งอาละวาด ตามโครงการซักซ้อมการระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่งทำร้ายประชาชน เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ วิธีปฎิบัติต่างๆ เกี่ยวกับการระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง ป้องกันไม่ใช้เกิดเหตุการณ์บานปลายจนก่อให้เกิดเป็นโศกนาฏกรรม โดยการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง
เหตุการณ์แรก เป็นชายคลุ้มคลั่งเดินพูดจาวกไฟวนมา โวยวายในที่สาธารณะ ในมือถือมีดเป็นอาวุธ พลเมืองเห็นท่าไม่ดี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสายตรวจรถยนต์ สายตรวจรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และสายด่วนรพ.1669 มาถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดจาเกลื่อกล่อม เจราจาด้วยความเป็นมิตร แต่การเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้าตำรวจจึงได้ยิงปืนร่างแหใส่คนคลุ้มคลั่ง ควบคุมตัวส่ง รพ. หรือ สถานบำบัดของรัฐ
เหตุกาณ์ที่สอง คนคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายชายคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจับตัวแฟนสาวเป็นตัวประกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และนำกำลังตำรวจเข้าควบคุม เจรจาต่อรอง เมื่อไม่เป็นผลเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจยิงด้วยปืนไฟฟ้า ใส่ชายคลุ่มคลั่ง ทำให้ชายดังกล่าวล้มลง เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เข้าฉีดยาระงับอาการคลุ่มคลั่ง และ นำตัวชายคลุ้มคลั่งส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้จังหวัดตรังพิจารณาเห็นว่า ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีกรณีเกิดเหตุ บุคคลคลุ้มคลั่งอาละวาด ทำลายทรัพย์สินและทำร้ายประชาชนตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง และหลายครั้งเป็นกรณีเหตุรุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต ทั้งประชาชนที่ประสบเหตุ เจ้าหน้าที่ผู้เข้าระงับเหตุ รวมถึงตัวบุคคลผู้ก่อเหตุด้วย สาเหตุสำคัญ สืบเนื่องมาจากผู้ก่อเหตุบางรายเป็น ผู้ป่วยทางจิตเวช บางรายเสพสารเสพติดมากเกินขนาดจนเกิดอาการหลอนยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าระงับเหตุดังกล่าวให้ทันต่อเหตุการณ์ และลดความสูญเสีย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ถือปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551
