ตรัง-ผู้บริโภคบ่นระงม ผักทุกชนิดราคาพุ่งปรับขึ้นกว่า 3 เท่า รับปีใหม่ และปรับราคาขึ้นอีกรายวันนับจากนี้จนถึงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะผักใบ เช่น กะเพราจากก.ละ 50 ปรับขึ้นเป็น ก.ก.ละ 150 บาท เดือดร้อนหนักทั้งแม่ค้าขายผัก เพราะขายยาก และผู้บริโภคทั้งประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของร้านอาหาร ทำต้นทุนพุ่ง ซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ยอดขายตกมาตลอดทั้งปี
จากการลงพื้นที่สำรวจแผงขายพืชผักภายในตลาดสด เทศบาลนครตรัง จ.ตรัง พบว่าราคาผักทุกชนิดปรับราคาขึ้นแล้วกว่า 3 เท่าตัวรับเทศกาลปีใหม่ โดยผู้ค้าต้นทางยังแจ้งผ่านแม่ค้าในตลาดว่า จะปรับราคาขึ้นอีกรายวัน จนถึงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ประชาชนผู้บริโภค ร้านค้าร้านอาหาร รวมทั้งแม่ค้าขายผัก ซึ่งเป็นคนกลางเดือดร้อนหนักพอกัน เพราะการค้าขายซบเซา ขายได้น้อย และผักบางชนิดแนวโน้มขาดตลาด เช่น ใบโหระพา กะเพรา ขณะที่เจ้าของร้านอาหารโอดทำต้นทุนพุ่ง ซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ยอดขายตกมาตลอดทั้งปี
นางสุธาภรณ์ วันจันทร์ แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ราคาผักปรับตัวสูงขึ้นมานับจากช่วงน้ำท่วมใหญ่ และในภาคใต้ก็ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ผักในพื้นที่แทบจะไม่มี ต้องสั่งพืชผักจากภาคกลางเกือบทั้งหมด โดยขณะนี้ผักทุกชนิดปรับราคาขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยเฉพาะผักใบ เช่น โหระพา จากเดิม กก.ละ 35,50,70 แต่ขณะนี้ราคากระโดดขึ้นเป็นกก.ละ 150 บาท ขึ้นวันเดียว 80 บาท , กะเพรากก.ละ จากราคาเดิมเท่ากับโหระพา ขณะนี้ก็ปรับราคาก้าวกระโดดเป็น กก.ละ 150 บาท เช่นกัน ซึ่งทั้งกะเพรา และโหระพา เมื่อนำมากำเป็นมัด จากเดิมกำละ 5 บาท ต้องขายเป็นกำละ 10 บาท , ผักชี จากเดิมกก.ละ 150 บาท ปรับเป็น กก.ละ 180 บาท แต่เมื่อประมาณ 4 วันที่ผ่านมา ในวันเดียวปรับจากกก.ละ 180 บาท เป็น 260 บาท หรือขึ้นวันเดียว 80 บาท แต่มาวันนี้ปรับขึ้นเป็นกก.ละ 300 บาทแล้ว , ต้นหอม ราคาลดลงจาก กก.ละ 300 บาท เหลือกก.ละ 150 บาท , ถั่วฝักยาวจาก กก.ละ 50 บาท เป็น 70 บาท , มะระ จากกก.ละ 35,50 บาท เป็น 80 บาท , มะเขือเปราะจาก 35กก.ปรับ เป็น 60 บาท กวางตุ้งจากกก.ละ 35 เป็น 60 บาท , คะน้า จากกก.ละ 35 บาท เป็น 60 บาท , ผักบุ้งจีน จากกก.ละ 50 เป็น 70 บาท , พริก กก.ละ 200 บาท ,มะนาว ในวันนี้ปรับขึ้น กก.ละ 20 บาท จากกก.ละ 50 เป็นกก.ละ 70 บาท และวันพรุ่งนี้จะปรับราคาขึ้นอีก และปีใหม่ผู้ค้าแจ้งมาแล้วว่าพืชผักจะปรับราคาขึ้นอีกทุกชนิด โดยขณะนี้ปรับขึ้นรายวัน และผักใบบางชนิดอาจขาดตลาด เพราะในพื้นที่ผักแทบไม่มี ต้องเป็นผักจากภาคกลางเท่านั้น เช่น ใบโหระพา และภาคใต้ มีฝนตก ผักประเภทใบจึงเสียหาย
ข่าวน่าสนใจ:
- ผบก.ภ.จว.ตรัง แถลงด่วน! คดีโจรลักสายไฟอาคารสนามบินตรัง อึ้ง! ลงมือลักนาน 3 เดือน เรื่องเพิ่งแดง พาขายฉ่ำ 29 ครั้ง นน.ทองแดงเกือบครึ่งตัน
- กาญจนบุรี ไฮซีซั่นนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ แห่พิชิตน้ำตกเอราวัณ 7 ชั้น
- สุดภูมิใจ! ยูเนสโกจ่อขึ้นทะเบียนเมนู “ต้มยำกุ้งไทย” มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ร้านอาหารดังเมืองตรัง ดัน “กุ้งแม่น้ำตรัง“ ขึ้นโต๊ะเสริฟ…
- "ระยิบระยับไฟล้านดวง"ผู้ว่าฯตรังนำทัพ เนรมิตสนามกีฬาทุ่งแจ้ง สวรรค์แห่งแสง ฉลองรัฐธรรมนูญ-งานกาชาด
ทางด้านประชาชน ผู้บริโภคทั่วไป และเจ้าของร้านอาหาร ที่เดินทางมาซื้อผัก บอกว่า เดือดร้อนหนัก ปีใหม่ก็เชื่อว่าราคาจะปรับขึ้นอีก โดยเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ที่ต้องใช้ใบกะเพรา ทำเมนูอาหารที่ขึ้นช่อของร้าน บอกว่า กะเพรา เมื่อก่อนซื้อกก.ละ 60 บาท วันนี้กก.ละ 150 บาท แต่ต้องซื้อไปทำ เพราะเป็นเมนูจิ๊กเนเจอร์ของร้าน ยอมรับราคาแพงมาก ชาวบ้านก็ไม่นำไปขายให้ เพราะชาวบ้านเอาไปขายให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด ตนเองก็ต้องตามมาซื้อในตลาด ซึ่งพบว่าผักแพงมากทุกชนิด สวนทางกับยอดขาย เดิมก่อนปีใหม่ 2565 ปกติใช้วันละประมาณ 1 -1.5 กก. แต่หลังจากปีใหม่ 2565 จนถึงขณะนี้กำลังจะสิ้นปี พบว่าตลอดปีนี้ ลูกค้าน้อยลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น ทำให้ซื้อกะเพราไป 1 กก.ใช้ได้ประมาณ 2-3 วัน และปีใหม่ปีนี้ ( พ.ศ.2566) เชื่อว่าคนคงใช้จ่ายน้อย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี สังเกตได้จากปกติของเดือนธันวาคม คนจะเดินทางมาก ร้านอาหารของตนอยู่ริมทางผ่านจะขายดี แต่เดือนนี้ทั้งเดือนคนเดินทางน้อย ขายได้น้อย ยอดขายลดลงมาก ปีใหม่ที่จะถึงก็ไม่ทราบว่าจะดีขึ้นหรือไม่ แต่ก็เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ ร้านอาหารของตนใช้มาก ทั้งกะเพรา พริก กระเทียม เพราะผัดกะเพราไม่ใช้ผักอื่นผสม ไม่ใช้ถั่วฝักยาว จึงจำเป็นต้องซื้อ แต่ทำให้ต้นทุนการทำอาหารเพิ่มขึ้นด้วย เชื่อว่าเดือดร้อนกันหนักแน่นอนเทศกาลปีใหม่นี้ ตอนนี้ใครมีกะเพรา โหระพาแล้วตัดทิ้งไปก่อนหน้านี้จะเสียดายมาก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: