ตรัง ชาวบ้านร้องสื่อ ผิดสังเกตุสวนยางพาราอบจ.ตรัง ถูกตัดออก 2 แปลง เนื้อที่เกือบ 10 ไร่ คาดขายไม้ยางได้ไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท คนอบจ.นำแบคโฮสอบตัดเอง ชาวบ้านแจ้งนายกอบจ.แล้ว แต่เรื่องยังเงียบ
ชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวไปดูสวนยางพาราของ อบจ.ตรัง ที่ตั้งอยู่ ถนนช่องหาญ-เขาดิน ม.3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งสวนยางพาราของอบจ.ตรัง มีเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ เป็นยางพารามีอายุพร้อมตัดขายไม้ยาง โดยจุดที่พบการตัดไม้ยางออกไป แบ่งเป็น 2 จุด จุดแรก เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ อยู่ริมถนนช่องหาญ-เขาดิน และ จุดที่2 เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนเข้าไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งทั้ง 2 จุด ต้นยากงถูกตัดออกไป เหลือแค่ที่ดินว่างเปล่า และมีการปลูกผักสวนครัว เช่น มะเขือ ตะไคร้ พริก ในที่ดินว่างดังกล่าว
สำหรับราคาไม้ยางพาราในปัจจุบัน ราคาซื้อขายไม้ยางจากโรงงานแปรรูปไม้ยางฯ มีราคาไร่ละ 30,000 – 40,000 บาท
ซึ่งชาวบ้านได้เปิดภาพได้เปิดภาพถ่ายให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมให้ข้อมูลว่าเมื่อราวเดือน กรกฎาคม – กันยายน ของปีที่แล้ว มีการนำรถแบคโฮ และ รถกระบะ ของอบจ.ตรัง เข้ามาในสวนยาางดังกล่าว ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตุ เพราะหากเป็นการขายไม้่ยางซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐ ต้องมีการประมูลตามวิธีของราชการ และต้องการยกแปลง แต่ลักษณะที่เกิดขึ้นนี้เป็นการเข้ามาตัดไม้เพียงบางส่วนเท่านั้น และข้อสงสัยอีกอย่างคือ การตัดไม้ยางขายในลักษณะเช่นนี้ เงินที่ได้จากการขายจะอยู่ในกระเป๋าใคร
โดยผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในสวนยางพาราของอบจ.ตรัง และพบว่าสวนยางพารามีร่องรอยการกรีด เก็บรองน้ำยางพาราตามปกติ และได้พูดคุยกับชาวบ้านในละแวกนั้น
ชาวบ้านรายหนึ่ง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า คนที่เข้าไปตัดก็เป็นคนดูแลสวนยางพารา ตัดโดยเครื่องจักรกลของอบจ.และมีช่างอบจ.เข้าไปดูด้วย มีการนำรถกระบะของคนที่เข้าไปตัดขนไม้ไปขาย แต่ไม่ทราบว่านำไปขายที่ไหน เบื้องต้นก่อนที่จะมีตัดนั้น คนที่จะตัดบอกว่าจะหาเงินซื้อกับข้าวเล็กน้อย….. จนมีการตัดโค่นดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านทั่วไปก็ไม่ทราบว่ามีการนำไปขายที่ไหน ทั้งนี้ บางครั้งก็มีคนเข้ามาตัดโค่นบ้างทีละ 1-2 ต้น ทราบว่านำไปทดสอบเนื้อไม้ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการเปิดประมูลตัดโค่นในแปลงที่หมดอายุ แต่การตัดโค่นใน 2 แปลงนั้น ชาวบ้านไม่ทราบว่าเขาเอาไปขายที่ไหน
ด้านนายสมชาย นิลระตะ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลตั้งต้น เพราะตนไปพบเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่นำรถแบคโฮเข้าล้มยางพาราดังกล่าว และตนได้สอบถามกับผู้จัดการสวนยางพาราอบจ.ตรัง พร้อมสอบถามที่มาที่ไปของการเข้ามาตัดไม้ยางพาราดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเป็นการโค่นโดยพลการณ์ ไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงานของอบจ.ตรัง นอกจากนั้นทราบว่านายช่างอบจ.ตรัง ที่คุมเครื่องจักรเป็นคนดำเนินการ และตนได้แจ้งไปยังนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพรพิพิธ นายกอบจ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.65 ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้นายกอบจ.ตรัง ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการลักลอบโค่นไม้ยาง เป็นความผิดทางอาญาต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังถือเป็นการลักทรัพย์ของราชการการ เนื้อที่ทั้งหมดเกือบ 10 ไร่ ค่าเสียหายคาดประมาณ 200,000 บาท ตนอยากอบจ.ตรัง ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จะได้ไม่มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้นายกอบจ.ตรัง ยึดข้อเท็จจริง ยึดความถูกต้องเป็นหลัก ผิดก็ว่าไปตามผิด อย่าลำเอียง ซึ่งการเข้าตัดไม้ยางพารา เป็นการนำเครื่องจักรของอบจ.ตรัง เข้ามาดำเนินการ โดยใช้รถแบคโฮของอบจ. และ รถที่ใช้บรรทุกไม้ยางพารา ก็เป็นรถที่คนงานของอบจ.ตรังเป็นผู้นำมา โดยตยล้มใหม่ๆ ตนได้สอบถามไปยังนายกอบจ.ตรัง ซึ่งทางนายกอบจ.ตรังบอกว่ายังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งนั่นหมายความง่าคนที่ลักลอบล้มไม้ยางพารานั้น ไม่มีอำนาจล้มไม้ยางดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีคำสั่ง ไม่มีการเปิดประมูลใดๆ การโค่นล้มไม้ยางพาราลักษณะนี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่หมู่ 3 ต.วังมะปรางเหนือ เป็นที่ดินและทรัพย์สินของอบจ.ตรัง มีเนื้อที่ 1,077 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 400 ไร่ ,พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 265 ไร่ พื้นที่เหลือเป็นพื้นที่ป่าประมาณ 200 ไร่
