ตรัง-รถบรรทุกปาล์มหลายสิบคัน จอดรอขายผลผลิตปาล์มน้ำมันให้กับโรงงาน หลังหยุดยาวเทศกาลปีใหม่โรงงานปิด ผลผลิตที่สุกไม่ได้ตัดขาย จึงอั้นอยู่มาตัดพร้อมๆกันหลังโรงงานเปิด ทำโรงงานสกัดไม่ทัน ไม่มีที่จัดเก็บ ขณะที่ราคาผลผลิตพบว่า ราคารับซื้อของโรงงานสกัดอยู่ที่กก.ละ 4.60 -4.70 บาท ส่วนเกษตรกรขายได้ที่กก.ละ 4.50 บาทเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนซึ่งอยู่ที่ประมาณกก.ละ 6 บาท โดยเฉพาะปุ๋ยมีราคาแพง เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันยังคงเดือดร้อนต่อไป
ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ (5-8 มค.) เกิดปรากฎการณ์รถบรรทุกปาล์มน้ำมันจากลานเทต่างๆที่บรรทุกนำผลผลิตไปส่งขายให้กับโรงงานต่างๆในพื้นที่จ.ตรังที่มีประมาณ 4 แห่ง กว่า 100 คัน ต้องจอดรถรอขายผลผลิตกันข้ามวันข้ามคืน ต่างเดือดร้อนเพราะต้องจอดรอเป็นเวลานาน สาเหตุเกิดจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทุกแห่งในจ.ตรัง รวมทั้งทั่วภาคใต้ ได้หยุดเป็นเวลานานนับสัปดาห์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ผลผลิตของเกษตรกรที่ได้เวลาเก็บเกี่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ได้มีการเก็บเกี่ยวตามห้วงเวลา และเมื่อโรงงานเปิดทำการนับตั้งแต่วันที่ 3 และ 4 ม.ค.เป็นต้นมา ทำให้เจ้าของสวนที่ผลผลิตสุกเต็มต้น ต้องเร่งเก็บเกี่ยวพร้อมๆกัน ทำให้ผลผลิตที่รับซื้อจากลานเทต่างๆ ถูกบรรทุกนำไปส่งขายให้กับโรงงานสกัดพร้อมๆกัน ทำให้โรงงานสกัดรับซื้อผลผลิตได้ไม่ทั้งหมดในแต่ละวัน ทำให้ต้องจอดรอเป็นแถวยาวเหยียดริมถนน รวมทั้งพื้นที่ว่างภายในบริเวณโรงงาน เพื่อส่งขายผลผลิต และส่งผลให้ลานรับซื้อทั่วไปหลายแห่งต้องหยุดรับซื้อชั่วคราว เหตุไม่มีที่ส่ง เพราะโรงงานสกัดทุกแห่งในภาคใต้ประสบปัญหาเดียวกัน คาดจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
โดยเฉพาะที่หน้าโรงงานบริษัท เอส.พี.โอ อะโกร จำกัด และหน้าโรงงานบริษัท ล่ำสูง ( ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายควนกุน – สิเกา ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง พบว่ารถรวมกว่า 70 คัน จอดยาวเหยียดทั้งบริเวณริมถนนหน้าโรงงาน และภายในบริเวณโรงงาน ทั้งรถบรรทุก และรถบรรทุกพ่วง ทั้งจากในจ.ตรัง , จ.พัทลุง ,จ.กระบี่ และจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรอขายผลผลิต โดยแต่ละรายใช้เวลารอนานข้ามวันข้ามคืน โดยบอกว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากปัญหาที่โรงงานรับซื้อผลผลิตไม่ทัน เหตุเพราะคนตัดพร้อมๆกัน ขณะที่ผลผลิตในช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตขาดคอ (คือ ผลผลิตน้อย คำว่า คอ คือ คอต้นปาล์มน้ำมัน ซึ่งไม่มีลูก) แต่ผลผลิตจะออกมากอีกครั้งประมาณเดือนเมษายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม แม้ผลผลิตจะน้อย แต่ราคาหน้าโรงงานรับซื้อยังอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 4.60 -4.70 บาท แต่เกษตรกรขายได้ตามลานเทต่างๆประมาณกก.ละ 4.50 บาท เท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าทุนที่ประมาณกก.ละ 6 บาท เหตุเพราะปุ๋ยมีราคาแพง ทำต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จากเดิมต้นทุนเคยอยู่ที่ประมาณกก.ละ 4.30 บาท เกษตรกรยังคงเดือดร้อนต่อไป อย่างไรก็ตาม เกษตรกรเป็นห่วงนับจากนี้ว่าโรงงานต่างๆ ทั้งโรงงานสกัด และโรงงานกลั่นน้ำมันอาจถือโอกาสกดราคา โดยอ้างผลผลิตล้นโรงงาน ทำราคาผลผลิตปาล์มยิ่งตกต่ำลงไปอีก ขอให้รัฐกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
