ตรัง- เกษตรกรปลูกผักชาว จ.ตรัง ยิ้มรับผักทุกชนิดได้ราคาดี เน้นปลูกพืชปลอดภัย และปลูกเองขายเอง ลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีแต่น้อย แต่หันใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก น้ำหมักชีวภาพแทน ปัจจุบันผักปลอดสารพิษเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยมีตัวอย่างเกษตรกร 3 ราย
คือ นางเจียม รงรักษ์ อายุ 61 ปี ชาวหมู่ที่ 3 ต.นาบินหลา บอกว่า ตนเองปลูกพริกไว้จำนวน 1 ไร่ เก็บผลผลิตส่งขายได้กก.ละ 180 บาท โดยไม่ได้ไปขายเอง แต่ขายให้กับเพื่อนเครือข่ายตลาดเกษตร ซึ่งสามารถเก็บขายได้ทุกสัปดาห์ ๆ ประมาณ 10 กก. รวมรายได้ต่อเดือนประมาณกว่า 7,000 บาท ซึ่งพริกขณะนี้ราคาดีมาก ขออย่าให้ราคาต่ำกว่ากก.ละ 100 บาท เกษตรกรก็อยู่ได้ หากราคาต่ำกว่ากก.ละ 100 บาท จะอยู่ไม่ได้ เพราะปุ๋ยราคาแพงมาก กระสอบละกว่า 1,700 บาท จึงใช้ปุ๋ยเคมีเพียงเล็กน้อย แต่หันใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนเพียงกระสอบละ 400 บาท เพื่อลดต้นทุน
ขณะที่นางอุไร ซุ้นกิจ เกษตรกรอีกราย ปลูกผักหลายชนิดหมุนเวียนเป็นอาชีพมายาวนานนับ 10 ปี ตอนนี้ มีพริก มะระ คะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง ฮ่องเต้ ผักกาดเขียว บวบ แตงกวา ถั่ว โดยบอกว่า ตั้งแต่ปลายปี 2565 เป็นต้นมา ผักทุกชนิดราคาดี ส่วนตัวปลูกเอง แต่ให้ญาติขายให้ จึงได้ราคาดี มะระขายส่งในราคา 35-40 บาท พริกกก.ละ 200 บาท คะน้าปรับราคาลดลงตอนเทศกาลตรุษจีนราคา 40-45 บาท ตอนนี้ปรับราคาลงมาเหลือกก.ละ 30-35 บาท ผักกาดขาว กก.ละ 25 บาท ซึ่งราคาที่ได้ขณะนี้ถือว่าเป็นราคาที่น่าพอใจ แม้ว่าราคาปุ๋ยยังสูงอยู่ แต่หากราคาอยู่ในระดับนี้ถือว่ายังอยู่ได้ แต่หากต่ำกว่านี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะปุ๋ยแม้ว่าจะลดลงบ้างกระสอบประมาณ 100 บาท แต่ก็ยังถือว่าแพงมาก เช่น ปุ๋ยบำรุงลูก ตอนที่ปุ๋ยยังไม่ขึ้นราคากระสอบละ 800-900 บาทเอง ปรับขึ้นไปสูงสุดกระสอบละ 1,800 บาท ขณะนี้ลงมาอยู่ที่กระสอบละ 1,700 บาท ยังแพงมาก ส่วนปุ๋ยบำรุงผักประเภทกินใบ ขณะนี้ราคากระสอบละ 1,500 บาท จากเดิมตอนปุ๋ยยังไม่ขึ้นราคากระสอบละ 500 -700 บาท ซึ่งขึ้นมากว่าเท่าตัวทุกประเภทปุ๋ย ที่บอกว่าราคาปุ๋ยลดลงมาแล้ว แต่เกษตรกรซึ่งเป็นผู้ใช้รู้ดีว่า ไม่ได้ลด ลดลงมาก็ไม่มาก กระสอบละ 100 – 100 กว่าบาท รัฐก็ยังควรจะควบคุมราคาปุ๋ยให้ลดลงกว่านี้อีกหน่อย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ส่วนสาเหตุที่ราคาดี เพราะว่าในพื้นที่ตำบลนาบินหลา เมื่อก่อนมีคนปลูกผักจำนวนมาก แต่ขณะนี้เหลือน้อยมาก คงสู้ต้นทุนไม่ได้ และเวลาปลูกก็จะปลูกผักประเภทเดียวกัน จึงทำให้ราคาไม่ดี นอกจากนั้นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ในพื้นที่ก็หันซื้อผักในพื้นที่กันมากขึ้น นอกจากนั้นเกษตรกรยังใช้วิธีปลูกเอง ขายเอง โดยเจ้าของแปลงปลูกไปขายเอง หรือขายให้เครือข่ายตลาดเกษตรในพื้นที่ นำไปจำหน่าย บางรายให้คนในครอบครัวไปขาย โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง จึงทำให้ได้ราคาดี จากเมื่อก่อนให้พ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงสวน ราคาก็จะตกลงมา ต่างกันประมาณกก.ละ 5 – 10 บาท จึงใช้วิธีปลูกเองขายเอง
นางสาวฌัชชญา นามกร เกษตรกรชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งปลูกผักปลอดสารพิษและขายเอง โดยบอกว่า ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แต่จะไม่เรียกว่าผักอินทรีย์ แต่ละเรียกว่าผักไร้สารเคมี ใช้ประเภทน้ำหมักชีวภาพที่หมักเอง ปุ๋ยคอก ซึ่งพืชก็เติบโตดี เช่น กะหล่ำปลี ซึ่งเป็นพืชเมืองเหนือ หัวใหญ่ น้ำหนักดี ราคาก็ดีด้วย ส่วนตัวจะปลูกผักหลากหลาย จะเห็นว่าในแปลงมีผักหลายชนิด และแต่ละชนิด แต่ละรอบ จะปลูกไม่มาก และแบ่งเป็นรุ่นๆ ลูกค้าก็จะจองล่วงหน้า เพื่อจะได้ทยอยขาย หากปลูกแต่ละชนิดครั้งเดียวทีละมากๆ จะเก็บขายไม่ทัน ราคาก็ไม่ดี เช่น กะหล่ำปลีผักเมืองหนาว ตนเองปลูกครั้งละ 30 หัว มีทั้งปลูกลงกระถาง ล้อยาง ลงดิน และยกแคร่ ทำให้ได้ราคาดี กก.ละ 80 บาท เพราะเน้นปลูกไร้สารพิษ กินเอง นำไปขายเองในตลาดเกษตร และจะมีเจ้าหน้าที่เกษตรมาเก็บตัวอย่างผลผลิตงไปตรวจหาสารพิษตกค้างบ่อยครั้ง จึงมั่นใจในความปลอดภัย หรือผลผลิตที่ออกมาไม่สวยก็นำมาแปรรูป ทำขนม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: