ตรัง เขต 2 ตรังเดือด! “สาทิตย์” สุดทน แจ้งหมิ่นฯ ปธ.สภาอบจ.ตรัง ปม คอมเมนท์เฟสบุ๊คพาดพิงย้ายพรรค-รับหลายโล ชี้หลายครั้งแล้วช่วย “ทวี” หาเสียงพาดพิง ด้าน “สจ.หมอ” ออกตัว ไม่ได้หมายถึงใคร “บุ่นเล้ง” นายกอบจ.ตรัง แฟนคลับตบเท้าให้กำลังใจรับทราบข้อกล่าวหา
วันที่ 27 เม.ย.66 เวลา 09.00 น. ประธานสภาอบจ.ตรัง นายกิตติเดช วรรณบวร หรือ สจ.หมอ เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยอด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา นางสาวสุดธิดา เพชรคง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้สมัคร ส.ส. เขต2 ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ นายกิตติเดช วรรณบวร หรือ หมอ กล่าวหาว่า นายกิตติเดช หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีถึงที่สุด
ซึ่งในรายงานประจำวันของ สภ.ห้วยยอด ซึ่งนางสาวสุดธิดา เพชรคง ทนายความ แจ้งความไว้ระบุว่ามีนายกิตติเดช ได้โพสข้อความในเฟสบุ๊ก ซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะมีข้อความ “อย่าเที่ยวแหลงเรื่องย้ายพรรคนะเดี่ยวสาทิตย์ไม่สบายใจ…เพราะเสนอไปหลายกิโล แต่เสนอแล้วไม่ไป แทงกั๊ก” , “เชยแล้วคำนี้ สมบูรณ์เด็กนายชวนก็ไปอยู่พรรคอื่น สาทิตย์เด็กเติ้นก็คิดย้ายพรรคเหมือนกันลองไปถามแล รทสช”
โดยเมื่อช่วงเช้านายกิตติเดช ได้เดินทางมาถึง สภ.ห้วยยอด พร้อมด้วย ทนายความ และ นายธวัช สุระบาล (น้องชายนายทวี สุระบาล ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร.) ซึ่งมีบรรดาแฟนคลับของนายกิตติเดช ประมาณ 50 คน เดินทางมามอบกุหลาบให้กำลังใจ และนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรัง เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
นายกิตติเดช วรรณบวร บอกว่า วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คงจะเป็นข้อความที่มีการพูดคุยกันกับบุคคลหนึ่ง ในคอมเม้นท์ ซึ่งเรื่องราวของการคอมเม้นท์ เป็นการพูดคุยแสดงความคิดเห็น ที่ไม่ได้พูดถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด ที่ให้เกิดความเสียหาย เพราะไม่ได้ระบุเจาะจงไป แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นเป็นสาธารณะ ไม่มีเจตนาหรือ จะหมิ่นประมาท กล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใด สำหรับเรื่องดังกล่าว คนที่แจ้งความคงจะเชื่อไปเองโดยความคิดเห็นส่วนตัว ในส่วนของผู้ที่แสดงความคิดเห็น มีบุคคลเดียวเท่านั้นที่พูดคุยกัน และเป็นการพูดคุยธรรมดา ในเชิงหยอกล้อ เป็นการแสดงความคิดเห็น วันนี้เมื่อเขาแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ก็มารับทราบข้อกล่าวหาตามนั้น ในส่วนรายละเอียดประจำวันเป็นเนื้อหา มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่คิดว่า ในการแจ้งข้อกล่าวหา ข้อมูลตรงนั้นไม่เป็นจริง เพราะเขาบอกว่ามีการโพสต์ข้อความ ระบุเป็นตัวบุคคล และนามสกุล ผมไม่ได้ระบุเป็นนามสกุลหรือตัวบุคคลที่ชี้ชัดให้เชื่อว่าเป็นคนนั้น และยังพิมพ์ข้อความบอกว่า ในรายละเอียดของสำนวนคดี บอกว่า ผมเขียนชื่อเขาและนามสกุลซ้ำ ๆ กันไปอีก ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ไม่มีข้อเท็จจริงในประเด็นนั้น และเป็นที่รู้ว่าผมเอง สจ.น้องหมอ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับพี่น้อง ชาวห้วยยอด พี่น้องชาวตรังอยู่แล้ว เป็นคนที่เปิดเผย ไม่โกหกอยู่แล้ว สร้างเฟสบุ๊คมา ก็ไม่ใช่เป็นไอโอ ที่มาด่ามาโจมตีคนอื่น เป็นตัวตนของตัวเอง และสื่อสารที่เป็นประโยชน์ หลายเพจเฟสบุ๊คที่ทำไป ไม่เคยสร้างไอโอมาทำลายคนอื่น จากสาเหตุดังกล่าวกับการไกล่เกลี่ยในเรื่องดังกล่าว ที่เป็นคู่ความ ได้มอบอำนาจให้ทนาย ไม่ได้มาแจ้งด้วยตัวเอง ในส่วนของคดีระหว่างเขากับตน วันนี้ก็มีนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรัง นายโชคดี คีรีคิ้น รองนายกอบจ.ตรัง เมื่อทราบข่าวว่าผมมารับทราบข้อกล่าวหา ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ท่านก็มาให้กำลังใจ รวมไปถึงผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ พี่น้อง ญาติที่ทราบข่าว ก็มาให้กำลังใจจำนวนมากก็ถือว่า มีความอบอุ่น ในส่วนคดีก็คงจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิด ตามข้อกล่าวหา และก็ได้ตั้งทนายสู้คดีเพื่อได้แก้ต่างข้อกล่าวหาและคิดว่าคงจะไม่เป็นปัญหา เพราะไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทคนหนึ่งคนใดอยู่แล้วที่เป็นจำเพาะเจาะจง ให้เกิดความเสียหายในที่สาธารณะ
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย บอกว่า ตนไม่ได้มีความโกรธแค้นอะไรเลย แต่ตนต้องออกมาปกป้องสิทธิของตน เรื่องของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต่างคนต่างหาเสียง มีกฎหมายกำหนดแนวทางอยู่แล้ว ตนเคารพสิทธิทางการเมืองของแต่ละคน แต่อย่ามาล่วงล้ำสิทธิของคนอื่น ที่ผ่านมามีคนมาเล่าให้ตนฟังหลายครั้งว่ามีการกล่าวพาดพิงถึงตน แต่ตนรู้สึกเฉยๆ เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะตนเองก็ผ่านมาเยอะแล้ว ดังคำกล่าวของหม่อมคึกฤทธิ์ที่ว่า เป็นภูเขาทองให้หมามันเยี่ยวรดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้งนี้เป็นการโพสข้อความในเฟสบุ๊กของหมอ กิตติเดช วรรณบวร เป็นการเขียนคอมเม้นท์ของโต้ตอบโดยใช้ชื่อ หมอ กิตติเดช วรรณบวร ซึ่งมีคนบันทึกภาพข้อความมาให้ดู การตอบในคอมเม้นท์ของหมอ กิตติเดช วรรณบวร มีการระบุชื่อสาทิตย์ ตัวสะกดถูกต้อง ซึ่งมีน้อยคนที่จะใช้ชื่อสาทิตย์ ที่สะกดด้วย -ตย์ รวมทั้งยังระบุเรื่องการย้ายพรรค รทสช. ลักษณะเข้าข่ายมีเจตนาใส่ร้ายในทำนองว่า ตนมีความคิดย้ายพรรค มีการติดต่อแล้วจำนวนหลายโล ซึ่งใครฟังก็เข้าใจได้ ตนจึงปรึกษากับทีมทนายความว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ ทนายมีความเห็นว่าน่าจะเข้าองค์ประกอบ ตนจึงมอบหมายให้ทนายความดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อปกป้องสิทธิของตนเท่านั้น เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์หาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นการพูดในลักษณะนี้ทำให้ตนเสียหายมากทั้งโดยส่วนตัว และ เสียหายต่อคะแนนเสียงที่จะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งตนได้ปรึกษาทนายความเรื่องคดีเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งด้วยหรือไม่ เพราะแฟนเพจเฟสบุ๊กดังกล่าวทำหน้าที่ถ่ายทอดสดให้เวทีปราศรัยของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เขต2 ตรัง ซึ่งโดยปกติช่องโซเซียลมีเดียผู้สมัครใช้ช่องทางใดหาเสียก็ต้องแจ้งต่อ กกต. ถ้ามีการแจ้ง กกต.ถูกต้องนั่นหมายความว่าผู้สมัครเขต2 ก็น่าจะรับรู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งต้องดูกันว่ามีการสมคบกันหรือไม่ อย่างไร ในการใส่ร้ายตนในฐานะผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และหากเพจนี้ไม่ได้มีการขออนุญาต กกต.ก็จะมีความผิดเพิ่มเติม เนื่องจากว่ากฎหมายกำหนดให้แจ้งช่องทางโซเซียลมีเดียหาเสียงต่อ กกต. ซึ่งทั้งหมดต่อจากนี้ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งหมอ กิตติเดช วรรณบวร ก็เป็นผู้ช่วยหาเสียงของนายทวี สุระบาล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 ตรัง เป็นผู้ปราศรัยหลักเกือบทุกเวที ฉะนั้นในทางการเมือง สจ.หมอ มีความเกี่ยวพันกันทางการเมืองอย่างแยกไม่ได้ และ ตนไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ในพรรค รทสช.ที่หมอ กิตติเดช วรรณบวร ระบุในโพสนั่นเขาหมายถึงใคร แต่ตนยืนยันขอปกป้องสิทธิ ตนตัดสินใจอยู่กับพรรค ปชป.ตั้งแต่เริ่ม ไม่มีความคิดจะย้ายพรรค โดยข้อเท็จจริงตนไม่เคยไปติดต่อใครเพื่อขอย้ายพรรคอย่างที่มีการกล่าวหา ตนได้พูดบนเวทีหลายครั้งว่ามีบางพรรคมีการมาคุยกัน แต่ไม่มีการคุยกันเรื่องตัวเลข ส.ส.ในสภาทุกคนรู้จักตนเป็นอย่างดี รู้ว่าอย่างไรตนก็อยู่กับพรรค ปชป. และยืนยันอยู่กับพรรคมาโดยตลอด แต่การที่ตนถูกกล่าวหาลักษณะนี้ทำให้ตนเสียหาย ทำให้คนเข้าใจว่าตนเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ อยากย้ายพรรค เป็นคนเห็นแก่เงิน
ทั้งหมดอยากให้ว่ากันตามกฎหมาย ให้ตำรวจสรุปสำนวนส่งไปยังอัยการ และว่ากันในชั้นศาล ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิจารณา ตนไม่ได้ตั้งธงอะไรไว้เพียงแต่เป็นการปกป้องสิทธิ์เพราะอีก 10 กว่าวันจะมีการเลือกตั้งแล้ว การโพสข้อความลักษณะนี้ถูกแพร่หลายออกไปเรื่อยๆ มีคนอ่านเพิ่มเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้มีผลเสียและกระทบสิทธิของตน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: