X

ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 4 ภูมิใจไทย โต้ “ชูวิทย์” แจกเมล็ดกัญชาก่อนกม.เลือกตั้งบังคับใช้ เตรียมดำเนินคดีฐานใส่ความ

ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 4 พรรคภูมิใจไทย โต้ “ชูวิทย์” แจกเมล็ดกัญชาก่อน กฎหมายเลือกตั้งบังคับใช้ เตรียมดำเนินคดีฐานใส่ความ ดับกระแสนายกฯอบจ.ตรังผู้เป็นน้า ดอดลางานช่วยหาเสียงคู่แข่ง เชื่อ ไม่กล้าทำ-ตอบสังคมไม่ได้

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคภูมิใจไทย ต.กันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง นายดิษฐ์ธนิน (เอก) ภาคย์อิชณน์ ผู้สมัครส.ส.เขต 4 ตรัง พรรคภูมิใจไทย บอกว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า “กัญชาธิปไตย แจกกัญชาหาเสียง แปะยี่ห้อ ชื่อผู้สมัคร เขต ชื่อพรรค โลโก้พรรคเสร็จสรรพ เขต 3 พัทลุง เขต 4 ตรังของพรรค บ้ากัญชา สุดภูมิใจกับ นโยบายกัญชาเสรี ถึงขนาดเอาเมล็ดพันธุ์กัญชาแจกตอนหาเสียงเยาวชนได้ไป เอาไปเพาะปลูกไว้ พอโตก็ตั้งเขียงสับใส่บ้องเสพพี้กันได้ ไม่ต้องไปหาซื้อให้เสียเงิน เสรีจริงตามนโยบายหัวหน้าพรรคบ้ากัญชา  ไม่สนระเบียบกระทรวงสาธารณสุขเพราะเป็นรัฐมนตรีเอง ความเลวร้ายของ กัญชาเสรี แทรกซึมไปถึงก้นบึ้งของประชาธิปไตย ประชาชนต้องจารึกไว้ในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ภายใต้ระบอบ กัญชาธิปไตย เยาวชนพี้กันจนเพี้ยน ทั่วโลกต้องยกย่อง กกต.ไทยไม่ต้องบินไปดูงานต่างประเทศเพราะ กกต.ทั่วโลกจะแห่กันมาดูงานที่ประเทศไทย  แจกเมล็ดพันธุ์กัญชาเท่ากับแจกของมีมูลค่าหรือไม่?   ผิดทั้งแง่สังคม ขัดต่อความรู้สึก แล้วยังผิดพรป.การเลือกตั้งอีกด้วย  ประเทศไทยแลนด์ เปลี่ยนชื่อ”ประเทศกัญชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนได้อ่านและปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของพรรคแล้ว พบว่าบางข้อความของนายชูวิทย์ มีเจตนาใส่ความให้ตนและพรรคภูมิใจไทยได้รับความเสียหาย

ตนยอมรับว่าเมล็ดกัญชามีการแจกจริง แต่แจกครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 และเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับภายในช่วงเวลา 180 วัน ตนก็ประกาศในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า “ไม่มีกิจกรรมทางการเมืองที่แจกสิ่งของให้ประชาชนแล้วครับ เพราะผิดกฎหมายเลือกตั้ง  ดังนั้นการที่นายชูวิทย์ เขียนข้อความในเฟสบุ๊คระบุถึงข้อความดังกล่าวมานั้น เป็นการใส่ความอันเป็นเท็จกับตนเองและพรรคจนได้รับความเสียหาย

และในวันนี้ตนเองได้โทรสอบถามกกต.ตรังว่าประเด็นเรื่องกัญชาได้มีการถูกร้องเรียนเข้ามาหรือไม่อย่างไร ซึ่งทางกกต.ตรังแจ้งมาว่ายังไม่มี การร้องเรียนหรือตั้งคณะกรรมการพิจารณาแต่อย่างใด ซึ่งคุณสมบัติของผมยังครบอยู่ ผมอยากให้พี่น้องเชื่อมั่นในตรงนี้ และวันนี้ตนก็ชี้แจงผ่านผู้สื่อข่าว ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนแล้วค่อยดำเนินคดีกับนายชูวิทย์  ต่อไป

ในส่วนกรณีที่มีกระแสว่านายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ. ตรัง ซึ่งเป็นน้าชายแท้ของตนเอง มีกระแสออกมาว่าได้ลางานเป็นระยะเวลา 7 วันเพื่อมาช่วยฝั่งตรงข้ามกับตนเองนั้น ผมคิดว่าน้าชายคงไม่กล้า เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริง ๆ ก็คงตอบสังคมไม่ได้ คงจะเป็นการกระทำที่คิดว่าทางประชาชนคงจะรับไม่ได้ ซึ่งประเด็นนี้ผมไม่เชื่อ คิดว่าแกคงจะไม่ทำขนาดนั้น เพราะจะทำให้ตอบสังคมไม่ได้

อย่างไรก็ตามการเมืองตอนนี้ ในหลายพื้นที่หลายจังหวัดก็มีการแข่งขันกันภายในตระกูลของตนเอง แต่ผมเชื่อว่าความขัดแย้งคงไม่ถึงขั้นไม่มองหน้ากัน โกรธเกลียดกันคงไม่มี

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน