ตรัง-ครอบครัวเยาวชนนักศึกษาวัย 17 ปี ร้องถูกนำชื่อเปิดบัญชีออนไลน์ธนาคาร จนตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงทั่วประเทศรวม 6 คดี รวมหลายแสนบาท ยืนยันไม่เคยเปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารที่ถูกระบุ และเมื่อไปตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกนำไปเปิดบัญชีออนไลน์ที่ศูนย์เทเลวิซ (Telewiz) สาขาโรบินสันตรัง ทางพนักงานยืนยันกับเยาวชนนักศึกษาว่า คนจดทะเบียนเลขเบอร์โทรศัพท์ที่นำไปเปิดบัญชีออนไลน์ มีเลขบัตรประชาชน 4 ตัวท้ายไม่ตรงกับของน้องเยาวชนนักศึกษา ขณะที่ธนาคารเจ้าของบัญชียินยันเด็กเปิดบัญชีออนไลน์จริง แต่ยังไม่ยอมให้หลักฐานใดๆตามที่ครอบครัวเด็กร้องขอ แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี
นางสาวเบญจวรรณ บัวทอง ( แม่ ) อายุ 37 ปี ชาวบ้านต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมด้วยนางสาววรัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี บุตรสาว นักศึกษาชั้น ปวช. 3 วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังจากทราบว่าขณะนี้นางสาววรัญญา ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” รวมที่ทราบแล้วทั้งหมด 6 คดี มูลค่าหลายแสนบาท โดย 1 คดี ถูกส่งศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครราชสีมา โดยตอนนี้ทางครอบครัวอยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นศาล และต้องเดินทางไปขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ทำครอบครัวเดือดร้อนหนัก น้องต้องมีคดีติดตัว ต้องขาดเรียนเดินทาง และกู้หนี้ยืมสินเดินทางไปสู้คดี ไม่มีสมาธิในการเรียนหนังสือ วอนขอความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาพยายามขอข้อมูลการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์จากธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อนำไปยืนยันในชั้นศาลและต่อสู้คดีในศาล แต่ผ่านมา 1 ปี ยังไม่ได้ข้อมมูลใดๆ
โดยนางสาวเบญจวรรณ ( แม่ ) บอกว่า ตั้งแต่ต้นปี 2565 ตนเองและลูกสาวเริ่มได้รับหนังสือจากธนาคารกรุงเทพ แจ้งว่าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง ถูกอายัติและส่งมาเรื่อยๆหลายฉบับ แต่ตนเองและทุกคนในครอบครัวไม่สนใจหนังสือ ก็โยนทิ้งทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นหนังสือจากแกงค์มิจฉาชีพที่มีจำนวนมาก จึงไม่ได้สนใจ เพราะไม่เคยเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง แต่อย่างใด จนกระทั่ง เมื่อประมาณดือนกรกฎาคม 2565 ได้รับหมายเรียกจาก สน.คันนายาว กรุงเทพฯ ให้ไปรายงานตัวที่ สน.คันนายาว ในวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ว่าถูกแจ้งความคดี “ร่วมกันฉ้อโกง” จำนวนเงิน 80,000 บาท จึงตกใจและรีบนำหมายเรียกดังกล่าวไปให้ตำรวจสภ.ห้วยยอด ซึ่งอยู่ในท้องที่ช่วยดูให้ โดยทางตำรวจสภ.ห้วยยอดได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ สน.คันนายาวให้ และแนะนำให้ไปรายงานตัวตามหมายเรียก ไม่เช่นนั้นจะถูกออกหมายจับ จากนั้นตนเอง ลูกสาว และสามี ก็ได้เดินทางไปที่ สน.คันนายาว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมจะเจอเจ้าทุกข์ ก็ได้รับคำตอบว่าชื่อของลูกสาว คือนางสาววรัญญา ได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เลขที่บัญชี 9800534985 โดยเป็นการเปิดบัญชีแบบออนไลน์ ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 062 – 5268700 เพื่อหลอกให้โอนเงิน ซึ่งลูกสาวก็ยืนยันว่าเบอร์โทรดังกล่าวไม่ใช่ของน้อง และไม่เคยเปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง และธนาคารใดๆไม่เคยมีบัญชีธนาคารนี้ และไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีนี้แต่อย่างใด และเมื่อได้เจอกับเจ้าทุกข์ก็ได้ชี้แจงเจ้าทุกข์เข้าใจ ทางตำรวจจึงกันให้น้องเป็นพยาน
และต่อมาช่วงเดือนเมษายน 2566 ได้รับหมายเรียกอีกคดีจาก สภ.เมืองนครราชสีมา ว่าร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ฯ ซึ่งทางตำรวจสภ.ห้วยยอด ก็แนะนำให้ไปที่สภ.นครราชสีมา ตามหมายเรียกอีก หากไม่ไปก็อาจถูกออกหมายจับ จึงเดินทางไปด้วยกัน พ่อ แม่ ลูกสาว ปรากฏว่าตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกง ผ่านหมายเลขบัญชีเดียวกัน รวมจำนวน 220,000 บาท และได้พบกับเจ้าทุกข์ด้วย ซึ่งทางครอบครัวและลูกสาวก็ยืนยันเช่นเดียวกับคดีที่สน.คันนายาว ว่าไม่ใช่บัญชีของลูกสาว ถูกแกงค์มิจฉาชีพนำชื่อไปเปิดบัญชีออนไลน์ แต่เจ้าทุกข์ไม่ยอม จึงจ้างฟ้องร้องดำเนินคดี จนกระทั่งขณะนี้ถูกฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครราชสีมา เพราะน้องยังเป็นเยาวชน ทำให้ครอบครัวต้องโทรศัพท์กลับบ้านหยิบยืมเงินสด 5,000 บาท จากญาติให้โอนให้ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวลูกสาวออกมา ไม่เช่นนั้นจะติดคุกเยาวชน ไม่ได้เรียนหนังสือ จนตอนนี้ยังต้องรายงานตัวทางออนไลน์กับศาลเยาวชนเด็กและครอบครัว จ.นครราชสีมาตลอด เพราะแจ้งต่อศาลไม่สะดวกในการเดินทาง และศาลเยาวชนนครราชสีมา ได้นัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ก็จะต้องให้น้องหยุดเรียนไปขึ้นศาล ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางอีกครั้ง โดยตอนนี้เท่าที่ให้ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ตรวจสอบเลขบัญชีดังกล่าวนี้ว่ามีคดีฉ้อโกงที่ไหนอีก พบรวมแล้ว 6 คดี คือ สน.คันนายาว จำนวน 80,000 บาท และสภ.นครราชสีมา 220,000 บาท รวมเงิน 300,000 บาท และมีอีก 4 คือ จ.เชียงใหม่ , จ.ขอนแก่น และจ.อุดรธานี 2 คดี ซี่งไม่ทราบว่าเป็นเงินรวมกันเท่าไร แต่คาดว่าหลายแสนบาทแน่นอน ซึ่งทางครอบครัวไม่ทราบจะต่อสู้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ข่าวน่าสนใจ:
- คึกคัก นาย"บุ่นเล้ง" อดีตนายกอบจ.ตรัง นำทีมนายกบุ่นเล้ง สมัครครบ 30 เขต ท่ามกลางกองเชียร์คับคั่ง
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เพื่อขอรายละเอียดการเปิดบัญชีดังกล่าว และยืนยันว่าไม่เคยเปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารกรุงเทพ แต่ทางธนาคารก็ยืนยันว่าให้คิดให้ดีๆ เพราะหากไม่เปิดเอง ก็ไม่มีใครเปิดให้ได้ และให้คิดให้ดีๆว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้า รับเงิน 500 บาท อะไรหรือไม่ ซึ่งลูกสาวก็ยืนยันไม่เคยเปิด โดยธนาคารก็บอกไม่สามารถให้หลักฐานได้ เพราะอยู่ในคดี ต้องให้ตำรวจทำหนังสือมา ทางครอบครัวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.ห้วยยอด แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อไปขอหลักฐานการเปิดบัญชีอย่างละเอียด และสเตทเม้รายการเดินบัญชีธนาคารทั้งหมด ทางธนาคารบอกว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 100 บาท ก็ยอมจ่ายไป โดยทางธนาคารบอกว่า ให้ไม่ได้ แต่จะส่งไปให้สภ.ห้วยยอด ภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 1 เดือน แต่ผ่านมาเกือบครบ 1 ปี แล้วก็ยังไม่ได้มา สอบถามที่ สภ.ห้วยยอด ทางตำรวจก็ยืนยันทางธนาคารยังไม่ส่งมาให้เช่นกัน
ซึ่งตนและลูกสาวสอบถาม ธนาคาร บอกว่า ในการเปิดบัญชีออนไลน์ จะต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยการใช้เลขบัตรประชาชนหน้า-หลัง และใช้วิธีการสแกนใบหน้า และจะมีรหัส OTP ส่งเข้าเบอร์โทรศัพท์ที่ทำธุรกรรม เขาบอกว่าเป็นเลขบัตรประชาชนของน้อง แต่ไม่ทราบว่าบัตรประชาชนดังกล่าวเป็นรูปของน้องหรือไม่ เพราะธนาคารไม่ให้ดู ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง ต้องกู้หนี้ยืมสินไปตามหมายเรียก จึงอยากขอความเป็นธรรมว่าเราไม่ได้เป็นคนเปิดบัญชี ไม่รู้เรื่องอะไรเลย อยู่ๆมาเป็นคดีความ ถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดี และน้องก็เสียเวลาในการเรียน ทำให้น้องมีคดีติดตัว และจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในอนาคต ตนสงสัยการทำงานของธนาคารว่า ถ้าเราเปิดบัญชีจริง ทำไมที่ผ่านมาไม่เคยมีหนังสือใดๆมาจากธนาคาร และยิ่งน้องเป็นเยาวชนก็น่าจะมีหนังสือใดๆ บอกมายังผู้ปกครองที่บ้านบ้าง แต่นี่ไม่เคยได้รับหนังสือใดๆ จากธนาคาร พอมาก็คือ หนังสือแจ้งอายัติบัญชีธนาคารที่กล่าวหาว่าเราเปิดออนไลน์ไว้ ถ้าเราเปิดบัญชีจริงน่าจะมีหนังสือมาที่บ้านบ้าง
ทั้งนี้ยอดเงินสะพัดที่ตำรวจ สน.คันนายาว ให้ดูพบว่ามีเงินสะพัดเข้าบัญชีดังกล่าวหลักล้านบาท และคิดว่าเด็กอายุขนาดนี้ คงไม่มีความสามารถหาเงินได้เยอะมากขนาดนั้น ล่าสุด พบว่ามียอดเงินค้างอยู่ในบัญชีประมาณ 156,849.54 บาท คิดว่าน่าจะเป็นยอดเงินที่ถูกโอนมาที่คนใช้บัญชีนี้อยู่ไม่ทราบว่าถูกตำรวจอายัติบัญชีไปแล้ว ยอดก็เลยถูกเบิกออกไปไม่ได้
แม่น้อง บอกอีกว่า ในส่วนของเบอร์โทรศัพท์ที่เปิดเพื่อใช้สำหรับการเปิดบัญชีออนไลน์นั้น ทางครอบครัวได้เข้าไปติดต่อที่ศูนย์เทเลวิชที่โรบินสัน ตรัง พนักงานแจ้งมาเลยว่า เลขบัตรประชาชน 4 ตัวหลัง เป็นคนจดทะเบียนเปิดหมายเลขโทรศัพท์นี้ แต่ไม่ใช่หมายเลขบัตรประชาชน 4 ตัวหลังของน้อง แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของใคร แต่ไม่ใช่ของน้องเปิดแน่นอน ตอนนี้บอกไม่ถูกเลย ไม่รู้จะต่อสู้คดียังไง เพราะเราไม่ได้ทำความผิด แต่ยืนยันได้ว่าน้องไม่เคยเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง โดยน้องมีบัญชีเดียวเท่านั้น ที่ไปเปิดกับผู้ปกครอง คือ บัญชีธนาคารกสิกรไทย เพื่อเอาไว้โอนเงินให้น้อง แต่ธนาคารอื่นๆ รวมทั้งธนาคารกรุงเทพ ไม่เคยมีบัญชี และไม่เคยมีสมุดเงินฝาก อยากบอกขอความเป็นธรรมกับธนาคารกรุงเทพว่า เราไม่เคยรู้เรื่องเงินส่วนนี้เลย และบัญชีก็ไม่เคยมี อยากขอให้ธนาคารบอกข้อมูลหลักฐานในการเปิดบัญชีมาให้ละเอียด อยากได้รับคำแนะนำในการต่อสู้คดี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์หรือช่องทางการร้องเรียน เพื่อให้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อความเป็นธรรมของครอบครัวและลูกสาว
นางสาววรัญญา ยืนยันว่า ไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพ ทั้งเดินทางไปเปิดที่ธนาคาร หรือเปิดออนไลน์ และโทรศัพท์ที่มีกล้องก็ไม่ดีด้วย ถ่ายภาพยืนยันไม่ได้ หลังเกิดเรื่องมา เสียเวลาในการเรียน และไม่มีสมาธิในการเรียน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อกับโรงพัก่ตางๆ ก็ต้องใช้เงิน ส่วนตัวไปถามที่ธนาคารด้วยแล้ว เขาบอกว่าเป็นการเปิดออนไลน์ ขอให้คิดให้ดีๆ ว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้าหรือไม่ ซึ่งน้องก็ยืนยันว่าไม่เคยเปิดบัญชีใดๆ กับธนาคารนี้ ร้องขอหลักฐานไป แต่ธนาคารไม่ให้ ผ่านมาเกือบปีแล้ว ยังไม่ได้หลักฐานใดๆ มาสักชิ้น ทำให้ได้รับความลำบากมาก ไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: