ตรัง-“ด้อมส้มตรัง” จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์กลางสายฝน คึกคักบูธสุราก้าวหน้า-ปัญหาที่ดิน แกนนำ ระบุ ให้คนไทยทั้งประเทศจำไว้เป็นบทเรียน “ความไม่ปกติ” หาก “พิธา” วืดนายกฯ-ถูกโดดเดี่ยวเป็นฝ่ายค้าน เชื่อแม้ยอมถอยให้ “เพื่อไทย” นำตั้งรบ.แทน แต่ถ้ายังมี “ก้าวไกล” อยู่ ไม่มีทางสำเร็จ ต้องไปตกลงเคนดิเดตนายกฯกับ “บิ๊กป้อม” เห็นด้วยชงแก้รธน.ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯแต่ยาวนาน เชื่อ ปชช.เริ่มแสดงออกต้านส.ว.มรดกอำนาจคสช.
ที่โซนญี่ปุ่น ตลาดชินตา เขตเทศบาลนครตรัง พรรคก้าวไกลตรัง จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ ก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ โดยจัดให้มีกิจกรรมออกบูธแสดงสินค้าจากผู้ผลิตสุราชุมชน , สินค้าจากชุมชนที่มีปัญหาที่ดินทำกิน , กิจกรรมแสดงความคิดความเห็นทางการเมือง รวมทั้งเปิดบูธรับสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกล โดยมีแฟนคลับพรรคก้าวไกล หรือ ด้อมส้มตรัง ทยอยมาร่วมงานแม้จะมีฝนตกลงมาโปรยปรายลงมา โดยเฉพาะบูธผลิตภัณฑ์สุราก้าวหน้า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงาน ซึ่งมีทั้งด้อมส้ม และประชาชนทั่วไปที่มาจับจ่ายในตลาดให้ความสนใจ แวะชมชิมสุราก้าวหน้า ซึ่งสุราชุมชนตรังมาออกบูธจำนวน 3 ราย ได้แก่ ยอดข้าวสุราทิพย์ สุราอำไพ และ สุราหนวดมังกร ส่วนบูธปัญหาที่ดินทำกิน มีการจัดนิทรรศการสภาพปัญหาที่ดินเทือกเขาบรรทัด พร้อมนำน้ำผึ้งป่า และ เมล็ดกาแฟจากชาวบ้านเขาบรรทัดมาจัดแสดงด้วย ส่วนอีกกิจกรรมที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมคือการติดตั้งกระดานให้ประชาชนเขียนความรู้สึก “กระดานความฝัน” โดยผู้มาร่วมงานต่างช่วยกันเขียนข้อความลงกระดาษแปะบนกระดาน เช่น สุราก้าวหน้า , สมรสเท่าเทียม , ให้พิธาฯเป็นนายกฯ , ไม่เอาส.ว. เป็นต้น
นายประภาส โรจนพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานพรรคก้าวไกลจ.ตรัง กล่าวกรณีพรรคก้าวไกลอาจยอมถอยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ว่า จากสถานการณ์ขณะนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลร่วมกับพรรคเพื่อไทยและ 8 พรรคเดิม แม้จะเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯเป็นจากพรรคเพื่อไทย แต่หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ พรรคเพื่อไทยก็ไม่ผ่าน ขอฟันธงในประเด็นนี้เลย แต่หากพรรคเพื่อไทยแยกตัวออกจากพรรคก้าวไกลและไปร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเก่า จะทำให้พรรคเพื่อไทยผ่านไปได้ แต่ต้องดูอีกทีว่าใครจะได้เป็นนายกฯ ระหว่างแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด
“และหากพรรคก้าวไกลถูกโดดเดี่ยวเป็นฝ่ายค้านในที่สุด ขอให้ประชาชนส่วนใหญ่สรุปไว้เป็นบทเรียน ว่าสิ่งที่ประชาชน 72 เปอร์เซ็นต์ คาดหวังและเลือกพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคเพื่อไทย ให้ไปเป็นรัฐบาล นั้น สาเหตุอะไรที่ไม่สามารถเป็นไปได้ และหากก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านก็ไม่มีปัญหา เพราะฝ่ายค้านก็สามารถทำงานได้ ถามว่าทำไมต้องมีกระบวนการสกัดพรรคก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกลต้องการทำการเมืองให้กลับมาสู่ปกติ ตรงนี้จะไปกระทบหลายฝ่าย เช่น การทลายทุนผูกขาด พรรคก้าวไกลจึงไม่มีทางได้รับโหวตจากส.ว.แน่นอน”นายประภาสระบุ
นายประภาสกล่าวว่า การโหวตนายกฯที่ผ่านมา การเมืองไทยในครั้งนี้ปกติหรือไม่ ปกติในระบอบประชาธิปไตยถือเอาเสียงในการเลือกตั้งของประชาชนเป็นสำคัญ พรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ถึง 14 ล้านเสียง หากเป็นระบอบประชาธิปไตยปกติ เมื่อรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นจะได้เป็นรัฐบาล แต่บ้านเราไม่ปกติเพราะยังมีองค์กรหรือเครื่องมือเพื่อสืบทอดอำนาจอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่คสช.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา ซึ่งกำหนด ให้ส.ว.250 คน มีสิทธิเลือกนายกฯ ซึ่ง 250 คนนี้มาจากการสรรหาคัดเลือกของคสช. ก็พอจะนึกออกว่าส.ว.เหล่านี้ยืนอยู่ตรงไหน และเครื่องมืออีกอย่างคือกกต. เรื่องที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ถือหุ้นไอทีวี ซึ่งไม่มีหลักฐานเพียงพอแต่ก็ยังส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ
นายประภาสกล่าวด้วยว่า ส่วนการยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจส.ว.ร่วมโหวตนายกฯ นั้นเป็นขั้นตอนที่ยาว แต่ชี้ให้เห็นว่าอำนาจตรงนี้ไม่ชอบธรรม ที่พรรคก้าวไกลเสนอไปเพื่อประกาศให้เห็นว่าควรยกเลิกหรือปิดสวิชอำนาจส่วนนี้ได้แล้ว เพราะส.ว.ที่อ้างว่างดใช้สิทธิ์หรือไม่มาใช้สิทธิ์เพราะอยากปิดบทบาทตัวเอง แต่จะปิดบทบาทได้อย่างไรเมื่อหัวยังอยู่ ตอนนี้เราเห็นประชาชนหลายๆกลุ่มเริ่มแสดงออก เช่น มีประกาศบอยคอตส.ว.ไม่ให้เข้าใช้บริการต่างๆ และเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้สังกัดพรรคไหน แต่เป็นกลุ่มคนที่ติดตามและคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะ 8 ปีที่ผ่านมามันยาวนานจนประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น
