เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งทั้งหมดเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ เพื่อการส่งออก กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ และราคาอาหารแพง โดยเกษตรกรเชื่อว่าสาเหตุหลักเกิดจากการลักลอบนำเข้าโคเนื้อ และเนื้อโคจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาตีตลาด ทำให้โคเนื้อภายในประเทศขายไม่ได้ ฉุดราคาตกต่ำอย่างหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เชื่อหากภาครัฐไม่จริงจังในการปราบปราม จะกระทบกับความยั่งยืนในอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อของเกษตรกรอย่างแน่นอน
โดยนางอภิญญา วงศ์วิวัฒน์ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ชาว ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง บอกว่า โคเนื้อเกรดพรีเมี่ยมที่เกษตรกรพยายามเลี้ยง จะเป็นโคเนื้อปลอดสารเร่ง ปลอดภัย 100% เพื่อให้คนได้รับประทานเนื้อปลอดภัย โดยตนและสามีเลี้ยงโคเนื้อเอาไว้เป็นอาชีพเสริมจากการทำสวนปาล์มน้ำมัน และเลี้ยงด้วยใจรัก ตอนนี้เกษตรกรทุกรายทั่วทุกจังหวัดประสบปัญหาอย่างหนักโคขายออกไม่ได้ ไม่มีคนซื้อจากเดิมที่รวมกลุ่มกันเลี้ยงรวมกลุ่มกันขาย สามารถขายได้เดือนละ 6-7 ตัว โดยขายทั้งตัวในราคากก.ละ 110 บาท โดยส่งไปชำแหละที่ จ.สตูล และส่งขายทั้งในประเทศและประเทศมาเลเซีย แต่ขณะนี้บางเดือนเหลือตัวเดียว หรือบางเดือนขายไม่ได้เลย เพราะไม่มีพ่อค้าซื้อ ดังนั้น เกษตรกรแต่ละรายพยายามช่วยเหลือตัวเอง เพราะโคเนื้อหากถึงกำหนดขาย ถ้าไม่ได้ขายฝืนเลี้ยงต่อไปเนื้อจะเหนียวไม่อร่อย และราคาอาหารก็แพงมาก กระสอบละ 600 กว่าบาท ส่วนของตนเองที่ขายได้ตอนนี้คือ ประกาศขายผ่านสื่อโซเชียล สำหรับงานเลี้ยง งานศพทั่วไปในภาคใต้ที่นิยมแกงเนื้อ ในราคาเหลือกก.ละ 80 บาทแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ เกษตรกรทุกจังหวัดประสบปัญหาเดียวกัน อยากให้รัฐเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
เช่นเดียวกับนายประสาร ทุ่ยอ้น อายุ 75 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ชาว ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง บอกว่า เชื่อว่าสาเหตุมาจากการลักลอบนำเข้าโคเนื้อ และเนื้อโคจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปกติบางส่วนก็มีการนำเข้าถูกกฎหมาย แต่ขณะนี้ลักลอบนำเข้าก็มีเข้ามา ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนักทุกราย ทำโคราคาตกต่ำ จากเดิมโคขุนราคาขายประมาณกก.ละ110 – 120 บาท หรือถ้าเกรดดีที่สุดได้ราคาสูงกก.ละ 140 -150 บาท แต่ขณะนี้เหลือราคากก.ละ 70 – 85 บาทเท่านั้น ซึ่งหากราคาเป็นอยู่อย่างนี้ และเกษตรกรยังฝืนเลี้ยงต่อไป จะเจ๊งแน่นอน ซึ่งโคขุนกว่าจะขายได้ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8 เดือน ต้นทุนแต่ละตัวทั้งค่าอาหาร ค่าวัสดุ เวชภัณฑ์ รวมไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท ส่วนตัวขายไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายได้กก.ละ 85 บาทเท่านั้น ทำให้ขาดทุนหนัก ขณะนี้เกษตรกรทุกคนเดือดร้อนหนัก ส่วนตัวมีแม่พันธุ์จึงใช้วิธีผสมเทียมเอง ผลิตลูกเอง ทำให้ขาดทุนน้อยลง แต่เกษตรกรรายใดซื้อลูกมาเลี้ยงขุนเองจะยิ่งขาดทุนหนัก อยากให้รัฐ จึงขอให้รัฐเร่งกวดขันเรื่องการลักลอบนำเข้าโคแบบผิดกฎหมาย นอกจากช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรแล้ว เสี่ยงจะมีการนำเชื้อโรคเข้ามาระบาดในประเทศ โดยเฉพาะโรคลัมปีสกิน ที่ต่างประเทศก็ระบาด และไทยก็เคยระบาดเช่นกัน รัฐควรเร่งปราบปรามโดยด่วนก่อนเกษตรกรจะล้มหายไปจากระบบทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
- ศุภาลัย เปิดบ้านซีรีส์ใหม่ Tropical Modern ครั้งแรก! ในสุราษฎร์ฯ ปักหมุดแบรนด์ “ปาล์มวิลล์ โกเตง” ตอบโจทย์ชีวิตติดเมือง
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
- ประชาชนแห่ เสกเหรียญหลวงปู่คำไหล ในพระมหาเจดีย์วัดดัง แห่ตีเลขน้ำตาเทียน หลังสาธุชนนับพันแห่ร่วมพิธี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: