ตรัง พ่อ แม่ เด็กหญิงอายุ 2 ขวบกว่า ร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก หลังป่วย มีไข้สูง ชักเกร็ง และมีอาการไอต่อเนื่อง เข้ารักษาตัวที่รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ 4 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น ญาติร้องขอให้ส่งตัวรักษาต่อ รพ.ตรังตั้งแต่แรก แต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายเด็กยื้อไม่ไหวเสียชีวิต ที่รพ.ตรัง หลังรพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ ส่งต่อเพียง 1 ชั่วโมง พ่อแม่ติดใจขั้นตอนการรักษา และสาเหตุการตาย ที่เศร้าไปกว่านั้นพรุ่งนี้ (21 กรกฎาคม) คือวันเกิดน้อง น้องจะครบ 3 ขวบพอดี แทนที่จะได้จัดงานวันเกิดต้องมาจัดงานศพแทน ซึ่งน้องตั้งใจร้องเพลงวันเกิดให้ตัวเองทุกวันเพราะอยากจะเป่าเค้กวันเกิดของตัวเองมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่วัดนาวง ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ให้กับน้องมีตังค์ หรือ ด.ญ.พิชญวดี ปราบรัตน์ อายุ 2 ปี 11 เดือน 21 วัน บุตรของ น.ส.อนงค์นาถ ปราบรัตน์ อายุ 33 ปี อาชีพข้าราชการครู และ นายบุรินทร์ ปราบรัตน์ อายุ 31 ปี อาชีพช่างตัดผม ซึ่งน้องมีตังค์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตรัง โดยเบื้องต้นแพทย์แจ้งว่าเสียชีวิตด้วยอาการเชื้อไวรัสลงปอด ปอดแห้ง ซึ่งน้องมีตังค์ เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันพฤหัสบดี ที่ 13 ก.ค.66 ไปที่คลินิคห้วยยอดให้ยามากินไม่ดีขึ้นก็รีบพาไปรพ.ห้วยยอดต่อ โดยที่รพ.ห้วยยอด หมอทำการเอ็กซเรย์ไม่พบความผิดปกติของปอด แต่เมื่อกลับมาบ้านน้องก็ยังคงมีอาการป่วยไข้ยังขึ้นสูง และเริ่มมีอาการชักเกร็งด้วย ทำให้ครอบครัวตัดสินใจนำตัวน้องเข้ารักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านก่อนอย่างเร่งด่วน ในวันอาทิตย์ ที่ 16 ก.ค.ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.นี้จำนวน 4 วัน จากนั้นทางรพ.แห่งนี้ได้ส่งตัวน้องไปที่รพ.ตรัง และเสียชีวิตที่ รพ.ตรัง ในช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ค.66
โดยบรรยากาศภายในศาลาบำเพ็ญกุศลศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติๆ เดินทางมาร่วมพิธีศพ และให้กำลังใจ น.ส.อนงค์นาถ ปราบรัตน์ และ นายบุรินทร์ ปราบรัตน์ แม่และพ่อ ของน้องมีตังค์ มีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน โดยน้องมีตังค์เป็นลูกสาวคนโต และยังมีน้องสาววัย 1 ขวบ เด็กทั้ง 2 คน อยู่อาศัยกับพ่อ ย่า และ อา ที่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 8 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ส่วนแม่รับราชการครูอยู่ที่จังหวัดสงขลา
ด้านนางจำนรรจ์ ปราบรัตน์ อายุ 58 ปี (ย่า) และ น.ส. กมลทิพย์ ปราบรัตน์ อายุ 24 ปี (อา) ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าและมีน้ำตานองหน้าตลอดเวลา บอกว่า น้องมีตังค์เริ่มมีไข้ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (13 ก.ค.66) มีอาการไข้ต่ำ ๆ ต่อมาวันศุกร์ (14 ก.ค.66)ตนได้พาน้องมีตังค์ไปหาหมอที่คลินิก ในตัวอ.ห้วยยอด ก็ได้ยามารับประทาน แต่พอตกค่ำของวันเสาร์ (15 ก.ค.66)ปรากฎว่าน้องมีตังค์ตัวร้อนขึ้นมาอีก มีไข้สูง ตนจึงพาไปหาหมอที่รพ.ห้วยยอด ซึ่งรพ.ห้วยยอดได้เอ็กซเรย์ แต่ไม่มีความผิดปกติ และให้ยากลับมารับประทานที่บ้าน ต่อมาช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ (16 ก.ค.66)น้องมีตังค์มีไข้สูงและชัก ตนจึงรีบพาไปรพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านกว่า เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ไม่ได้เอ็กซเรย์ ไม่ได้เจาะเลือดเพื่อตรวจ ไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ช่วยกันเช็ดตัวให้น้อง แต่น้องยังไข้สูงตลอดเวลา ตนบอกหมอว่ากังวลเพราะไข้สูง ไข้ไม่ลดลงเลย ซึ่งตลอดเวลาน้องมีไข้สูง 39-40 องศา ตั้งแต่คืนแรกก็ขอให้หมอส่งตัวน้องไปรพ.ตรัง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เขาบอกดูแลได้ เพราะแค่เป็นไข้ตัวร้อน รักษาด้วยการให้กินยาลดไข้ ให้เช็ดตัว (คืนวันที่ 2 ของการอยู่รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ) ก็ยังคงมีไข้สูงเหมือนเดิม พอตอนเย็นวันนั้นเขาก็ให้ยาต้านเชื้อไวรัส ซึ่งน้องมีตังค์กินยาแล้วก็อ้วกออกมา 2 ครั้ง ตนไม่รู้ว่าติดเชื้อไวรัสอะไร เพราะหมอไม่ได้บอก ตนเช็ดตัวให้หลานตลอดทั้งคืน จนถึง 03.00 น. ตนจะขอให้ส่งตัวน้องไป รพ.ห้วยยอด หรือ รพ.ตรัง แต่พยาบาลเขาก็อยู่ในห้องพักแต่ก็ล็อกประตู ตนจะเรียกขอช่วยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ข่าวน่าสนใจ:
ตั้งแต่หัวค่ำตนก็ขอร้องให้ส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ตรัง เขาตอบว่าไม่ได้ เขายังดูแลน้องมีตังค์ได้ ไม่ไปส่ง ต่อมาอาของน้องมีตังค์ก็ร้องขอให้ส่งต่อน้องไปที่รพ.ตรัง เพราะไข้สูงตลอด ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดตั้งแต่วันแรก แต่ได้คำตอบจากพยาบาลว่าถ้าจะให้ไปส่งรพ.เอกชน เขาจะไปส่งให้ แต่หากไปส่ง รพ.ตรัง หรือ รพ.ห้วยยอด เขาจะไม่ไปส่ง
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 2 ที่อยู่ในรพ.นี้ น้องมีตังค์เริ่มไอ และไอหนักขึ้น ไอตลอดเวลา หลังเป็นผื่นแดงทั้งหลัง เมื่อเราขอให้พยาบาลช่วยเขาก็หงุดหงิดใส่ และบอกว่าน้องตัวร้อน ให้เช็ดตัว และย้อนถามอาที่ไปร้องขอให้ส่งตัวไปรพ.ตรัง ว่าเป็นใคร เป็นแม่เด็กหรือเปล่า เวลาที่ไปขอให้ส่งตัวไปรพ.ห้วยยอด หรือ รพ.ตรัง เขาบอกว่าหมอที่ไม่รับต่อบ้าง
จนเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.66) เวลา 10.30 น.ได้มีหมอผู้หญิงอีกคนขึ้นมาตรวจ และส่งน้องมีตังค์ไปเอ็กซเรย์ ตนเห็นในฟิล์มเอ็กซเรย์ ว่าปอดน้องติดเชื้อ ปอดข้างหนึ่งแฟบลง แต่เขาก็ยังไม่ยอมส่งตัวต่อไปรพ.ตรัง ตามที่เราร้องขอ ตนรอจนถึงตอนเย็นซึ่งตอนนั้นน้องไม่ไหวแล้ว ไม่มีแรง ออกซิเจนต่ำ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เขาไม่ยอมส่งตัวต่อ เพราะให้เหตุผลว่าการเคลื่อนย้ายจะทำให้เกิดวิกฤติได้ และได้ช่วยน้องมีตังค์ตั้งแต่เวลา 14.00 น. จนถึง 18.00 น. จึงจะได้ส่งตัวน้องมีตังค์ไป รพ.ตรัง แต่พอมาถึงรพ.ตรัง ตอนเวลา 18.30 น. ตนเห็นน้องมีตังค์ชักกระตุก 2 ครั้ง ตนเดินตามไปดูในห้องฉุกเฉิน ตนเห็นว่าน้องอาการรวยรินเต็มที่แล้ว แล้วน้องก็แน่นิ่งไปเลย ซึ่งหมอได้ช่วยกันปั้มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ แล้วเขาก็เดินมาบอกตนว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตนรู้สึกช็อคมาก เสียใจจนทำอะไรไม่ถูก
ตนไม่เข้าใจว่ารพ.แห่งนี้ ไม่ยอมส่งน้องมารพ.ตรังตั้งแต่แรก ทั้งที่น้องมีตังค์มีไข้สูงอยู่ตลอด เวลาและไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคโดยละเอียด ให้แค่ยาลดไข้ น้ำเกลือ ยาแก้ไอ และมาเอ็กซเรย์เอาตอนที่น้องมีตังค์อาการหนักแล้ว ซึ่งมันช้าไปแล้ว ซึ่งรพ.นี้ ได้แจ้งว่าติดเชื้อไวรัส และไม่มียารักษาไวรัสชนิดนั้น แต่ให้กินยาต้านไวรัส และให้รักษาตามอาการ บอกว่ารับมือไหวรักษาได้ แต่พอเมื่อวานกลับมาบอกว่าที่ รพ.แห่งนี้ ไม่มีหมอเด็ก ตนข้องใจว่าทำไมไม่มีหมอเด็ก แล้วทำไมไม่รีบส่งต่อไปที่รพ.ตรัง มาส่งตัวไปตอนที่น้องอาการทรุดหนักขั้นโคม่าแล้ว
ตนและครอบครัวอยากฟังคำอธิบายจากรพ.แห่งนีในพื้นที่ อ.วังวิเศษ ว่าทำไมขั้นตอนการรักษา การส่งต่อ จึงล่าช้าไปหมด และอยากได้รับความยุติธรรมจากรพ. และการให้บริการของพยาบาลแย่มาก ตนไปขออะไรก็ไม่ได้ เขาจะแสดงท่าทีรำคาญ หงุดหงิดใส่ตลอด
ทั้งนี้นายบุรินทร์ ปราบรัตน์ ได้ไปแจ้งความที่ สภ.วังวิเศษ และ ร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังวิเศษ
โดยนายบุรินทร์ ปราบรัตน์ (พ่อ) บอกว่า ตอนน้องป่วยอยู่ในรพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ น้องมีตังค์มีอาการตัวร้อน ไข้สูงถึง 39-40 องศา ทุกวันเลย ย่ากับอาต้องช่วยกันเช็ดตัวอยู่ตลอดเวลา เช็ดตัวจนตัวน้องเป็นรอยแดง แล้วก่อนวันที่น้องมีตังค์จะเสียชีวิตน้องมีตังค์ไอหนักมาก ไอตลอดเวลา ตนก็สงสารลูกมากๆ ตอนนี้ตนและญาติยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของน้องมีตังค์ที่ชัดเจน ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ซึ่งหมอได้แจ้งว่าปอดของน้องมีตังค์ติดเชื้อทั้งสองข้าง ซึ่งตนสงสัยว่าตอนน้องเข้ารักษาตัวที่รพ.แห่งนี้ในพื้นที่ อ.วังวิเศษ วันแรกทางโรงพยาบาลเขาไม่เอ็กซเรย์ให้น้อง เขาบอกว่ารพ.ห้วยยอดเอ็กซเรย์แล้ว และเขามาเอ็กซเรย์เมื่อวานนี้(19 ก.ค.66) ตนเลือกพาน้องมีตังค์มารักษาที่รพ.นี้ เพราะเป็นรพ.ที่ใกล้บ้านที่สุด และตอนนั้นน้องไข้สูงมากและมีอาการชักด้วย อยากให้ถึงมือหมอโดยเร็ว ตนไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น ตนอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรม เรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจากบริการสาธารณสุข และให้ทางรพ.แห่งนี้ในพื้นที่ อ.วังวิเศษ ออกมาชี้แจงขั้นตอนการรักษา และสาเหตุการตายของน้องมีตังค์ในครั้งนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: